Pro Grand Italy 8 Days

เป็นเนื้อหาของบทความหรือสินค้าโดยละเอียด

กรุณาใส่ข้อความ …

วันแรก    ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ – อาบูดาบี – มิลาน

         20.00 น.     คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศประตู 8 เคาน์เตอร์S 

                             ของสาย การบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ พบเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวก

         23.00 น.     ออกเดินทางสู่งอิสตันบูล ประเทศตุรกี โดยเที่ยวบินที่ TK069

วันที่สอง    มิลาน – ดูโอโม่ – เวโรน่า – เมสเตร้   

         05.15 น.     เดินทางถึงประเทศตุรกี ให้ท่านแวะพักเปลี่ยนเครื่อง

         07.55 น.     ออกเดินทางสู่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี โดยเที่ยวบินที่ TK1873

         09.50 น.    เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและด่านศุลกากร

         นำท่านเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองมิลาน เมืองสำคัญในภาคเหนือของประเทศอิตาลี ตั้งอยู่บริเวณที่ราบลอมบาร์ดีจากนั้นนำคณะเก็บภาพ “ป้อมปราการสฟอร์เซสโก้”                          ปราสาทสวยงามหลังนี้ได้เคยเป็นป้อมปราการของพวกตระกูลวิสคอนติ ต่อมาเป็นที่พำนักของผู้นำเผด็จการในช่วงศตวรรษที่ 15 คือ ตระกูลสฟอร์ซา  มีเวลาให้ท่าน                     ได้ถ่ายภาพกับมุมสวยๆ ของน้ำพุที่โพยพุ่งบริเวณด้านหน้าปราสาทสฟอร์เซสโก้ นำท่านชม “มหาวิหารแห่งมิลาน หรือดูโอโม” สัญลักษณ์ที่โดดเด่นที่สุดของเมืองอัน                      มีขนาดใหญ่โตมโหฬาร สร้างขึ้นด้วยหินอ่อนสีขาวในศิลปะแบบโกธิค ใช้เวลาสร้างนานกว่า 500 ปี ปัจจุบันเป็น “โบสถ์แคธอลิกที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก” ลานด้าน                   หน้าเป็นที่ตั้งของพระราชานุสาวรีย์พระเจ้าวิคเตอร์เอ็มมานูเอลที่ 2 ทรงม้า รายล้อมด้วยอาคารที่เก่าแก่คลาสสิคและช้อปปิ้งมอลล์ที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

         เที่ยง     บริการอาหารมื้อกลางวัน ณ ภัตตาคาร

         บ่าย     นำท่านออกเดินทางสู่“เมืองเวโรน่า”(VERONA) ประตูสู่อิตาลีเป็นเมืองที่ใหญ่ และสำคัญเป็นอันดับ 2 ในแคว้นเวเนโตรองจากเวนิสนำท่านชมเมืองเวโรนาได้รับ                             สมญานามว่า "LITTLE ROMAN" เพราะยังคงสภาพสิ่งก่อสร้างจากสมัยโรมันไว้อย่างสมบูรณ์และถ้าย้อนไปในศตวรรษที่ 13-14 มีความเจริญ

         สูงสุดถือว่าเป็นยุดทองไม่แพ้กรุงโรม เมืองเวโรน่าโด่งดังมาจากนิยายรักอมตะเรื่องเอกของนักประพันธ์ “วิลเลี่ยมเชกส์เปียร์” ที่ชื่อว่า “โรมิโอ แอนด์ จูเลียต” นำคณะ                      เดินทางเข้าชมย่านเมืองเก่าที่ยังคงสภาพบ้านเรือนแบบโบราณ จากนั้นนำท่านสู่“จตุรัสเออร์เบ” ที่รายล้อมไปด้วยคฤหาสน์วังเก่าของตระกูลที่เคยปกครองเวโรน่า                        ระหว่างทางผ่านชมความยิ่งใหญ่ภายนอกของ“โรมัน อารีน่า”สนามกีฬากลางแจ้งแบบโบราณในสมัยโรมัน เดินทางเข้าสู่“อดีตบ้านของจูเลียต”ปัจจุบันหน้าบ้านจูเลียต                 คือร้านArmani ชมระเบียงหินอ่อนเล็กๆ ที่จูเลียตเคยยืนอยู่โดยมีโรมิโอ มาคอยเฝ้าขอความรักอยู่ด้านล่างบริเวณบ้านมีรูปปั้นจูเลียตที่เป็นบรอนซ์ปั้นโดยN.Costantini               ว่ากันว่าใครอยากสมหวังในเรื่องความรักก็ให้ไปจับที่หน้าอกของจูเลียต นอกจากนี้ภายในบริเวณกำแพงบ้านจูเลียตยังมีการเขียนแสดงความรักกันมากมายจนแทบ                     ไม่เห็นสีกำแพงเดิมและยังมีบริการโทรศัพท์สำหรับคนที่ไม่ได้มากับคนรักให้ได้เซย์ฮัลโหลหากันว่าโทรมาจากบ้านจูเลียตแห่งนี้เดินทางขึ้นสู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ             ของอิตาลีไปยัง “ เมืองเวนิส เมสเตร้” ราชินีแห่งทะเล เอเดียตริกเมืองหลวงของแคว้น เวเนโต

         ค่ำ     บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ภัตตาคาร

         พักที่: Delfino Ambasciatori Hotel หรือที่พักระดับใกล้เคียง                                              

วันที่สาม     เวนิส – ฟลอเรนซ์ – โบสถ์ซานตา มาเรีย – ปิซ่า

         เช้า     บริการอาหารมื้อเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

         นำท่านเดินทางเข้าสู่ท่าเรือตรอนเชโต้ จากนั้นลงเรือเข้าสู่“ เมืองเวนิส ”เมืองอันแสนโรแมนติกซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของคู่รักจากทั่วโลกเมืองเวนิสได้รับฉายาว่า                     ราชินีแห่งทะเลอาเดรียตริก (Queen of the Adriatic), เมืองแห่งสายน้ำ(City of Water), เมืองแห่งสะพาน(City of Bridges),เมืองแห่งแสงสว่าง (The City of Light)              เรือนำท่านเดินทางเข้าสู่“เกาะซานมาร์โค ”ศูนย์กลาง ของเมืองเวนิส พร้อมนำ คณะเดินทางเข้าสู่บริเวณ “จตุรัสซานมาโค” ระหว่างการเดินทำงชมอนุสาวรีย์ของ                        พระเจ้าวิคเตอร์เอมานูเอลที่2 ถ่ายภาพคู่กับ “ สะพานถอนหายใจ ” สะพานแห่งสัญลักษณ์ที่เชื่อมต่อกับ พระราชวังดอร์จ ชมความสวยงามของ “พระราชวังดอร์จ”                        (ภายนอก)อันเป็นที่ประทับของเจ้าเมืองเวนิส ในยุคที่ยังเป็นรัฐอิสระอีกทั้งยังเป็นศูนยก์ลางของการปกครองแคว้น ในยุคสมัยนั้น ชม“โบสถ์เซนต์มาร์ค” ซึ่งเป็นโบสถ์                      แบบไบเซ็นไทน์ที่ “ใหญ่ที่สุด” ในยุโรปตะวันตก ให้ท่านได้สัมผัสคลองแห่งเวนิสอันแสนโรแมนติกโดยการ “ นั่งเรือกอนโดร่า”Gondora ที่มีชื่อเสียงระดับโลก                                    (ไม่รวมในรายการทัวร์กรุณาติดต่อหัวหน้าทัวร์)

         เที่ยง     บริการอาหารมื้อกลางวัน ณ ภัตตาคาร

         บ่าย     นำท่านเดินทางเข้าชม “เมืองฟลอเรนซ์”Florence เมืองที่ได้รับฉายาว่า “เมืองที่มีความงามเป็นอมตะ” เป็นเมืองต้นแบบของศิลปะแบบเรอเนสซองส์ซึ่งเป็นเมือง             ที่มีความเจริญสูงสุดในช่วงศตวรรษที่ 13-16 ทั้งทางด้านเศรษฐกิจและศิลปวัฒนธรรมเป็นนครโบราณอันยิ่งใหญ่ซึ่งครั้งหนึ่งเคยมั่งคั่งและร่ำรวยกว่ากรุงโรม เป็นถิ่น                    กำเนิดของศิลปินระดับโลก2ท่าน คือ “ลีโอนา  โด ดาวินชีและ ไมเคิลแองเจลโล” นำคณะเดินเที่ยวชมเขตเมืองเก่า Old Town ซึ่งได้ถูกจัดให้เป็นเขตเมืองปลอดมลพิษ                   ไม่อนุญาตให้รถยนต์วิ่งผ่านภายในเมืองสัมผัสสถาปัตยกรรมอันแสนงดงามเต็มไปด้วยศิลปะแบบเรอเนสซองส์ที่หาชมได้ยากยิ่งจากเมืองไหนเที่ยวชม “จัตุรัสเพียซซ่า                   ซินยอเรตตา” ชมสถาปัตยกรรม อันโดดเด่นของเมืองที่ “มหาวิหารซานตามาเรียเดลฟิออเร” เป็นวิหารที่มียอดโดมขนาดใหญ่สัญลักษณ์แห่งเมืองฟลอเรนซ์ จากนั้นออก               เดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองชม “โบสถ์ซันตาโคเช่” โบสถ์ขนาดใหญ่ซึ่งใช้เป็นสถานที่ฝังศพของศิลปินชื่อก้องโลก“ไมเคิลแองเจลโล และ กาลิเลโอ” และศิลปินชื่อดังของ                   เมือง จากนั้นนำท่านข้ามแม่น้ำอาร์โน ออกเดินทางสู่เมืองปิซ่า

         ค่ำ     บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ภัตตาคาร  / นำคณะเดินทางเข้าสู่ที่พัก

         พักที่: AC Pisa Hotel หรือที่พักระดับใกล้เคียง         

 

วันที่สี่     ปิซ่า – หอเอนแห่งเมืองปิซ่า – เซียน่า – ชมเมือง

         เช้า     บริการอาหารมื้อเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

         นำท่านเดินทางเข้าสู่“เมืองปิซ่า” เมืองแสนสวยริมฝั่งแม่น้ำอาร์โน และยังเป็นบ้านเกิด “กาลิเลโอ” ศิลปินที่มีชื่อเสียงของอิตาลีนำคณะเปลี่ยนเป็นรถ Shutter Bus                       เข้าชมความมหัศจรรย์ของ “หอเอนแห่งเมืองปีซ่า”1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก  ถูกสร้างด้วยหินอ่อน สูง 181 ฟุต มี 8 ชั้นโดยเริ่มสร้างเมื่อปี ค.ศ.1174 แล้วเสร็จเมื่อ                         ค.ศ.1350 ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 176 ปี สำหรับหอเอนปิซ่านี้ภายในมีเสาหินอ่อนทีสลักลวดลายด้วยฝีมือจิตรกรชื่อดังแห่งยุคได้สลักลวดลายไว้สวยงามมากส่วนสาเหตุ               ที่เอียงนั้นเกิดขึ้นหลังจากเมื่อสร้างเสร็จแล้ว ฐานได้ทรุดไปข้างหนึ่งเมื่อวัดดูปรากฏว่าเอียงออกจากแนวดิ่งของฐานถึง 14 ฟุต แต่ก็ยังไม่ล้มยังคงเอียงอยู่เช่นทุกวันนี้                      เมืองแห่งนี้ยังเป็นบ้านเกิดของนักวิทยาศาสตร์ และนักดาราศาสตร์เอกของโลก “กาลิเลโอ” ซึ่งเขาได้พิสูจน์กฎการณ์ดึงดูดของโลกโดยปล่อยวัตถุให้ตกมาจากที่สูงเขา                 สังเกตพบว่าไม่ว่าวัตถุหนักหรือเบา ต่างตกถึงพื้นดินพร้อมกัน และให้ชาวโลกรู้ โดยทำการทดลองปล่อยลูกบอลจากหอเอนปิซ่าแห่งนี้และเขายังเป็นคนแรกที่ใช้กล้อง                 โทรทัศน์(Telescope) ส่องดูดาวเมื่อประมาณ 400 ปีก่อนและได้ประกาศสิ่งที่ค้นพบซึ่งท้าทายความเชื่อของคนในสมัยนั้นซึ่งเชื่อกันว่าโลกเป็นศูนย์กลางของสุริยะ                      จักรวาลแต่กาลิเลโอยืนยันว่าดวงอาทิตย์ต่างหากเป็นศูนย์กลางของสุริยะจักรวาล จนทำให้เขาถูกจับคุมขังในที่สุด ชมความสวยงามของ“หอสวดมนต์ที่สร้างในสไตล์                   โรมันเนสก์”จตุรัสดูโอโมแห่งปิซาได้รับเลือกโดยองค์การยูเนสโกให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เมื่อปี ค.ศ.1987

         เที่ยง     บริการอาหารมื้อกลางวัน ณ ภัตตาคาร

         บ่าย     นำท่านออกเดินทางสู่“เมืองเซียน่า” เมืองดังแห่งยุคกลางของอิตาลีและเป็นเมืองที่มีศิลปะโกธิค ตลอดทั้งใจกลางเมืองเก่าของเซียนาได้รับเลือกโดยองค์การ                     ยูเนสโกให้ขึ้นทะเบียนเป็น โลกเมื่อปี ค.ศ.1995 เชิญเยี่ยมจตุรัสเปียซซ่า เดล คัมโป Piazza del Campo ซึ่งได้รับยกย่องว่าเป็นมรดกโลก และ เคยเป็นบ้านของาลิโอ                     นักแข่งม้าที่มีชื่อกระฉ่อนที่สุดในโลก จตุรัสเปียซซ่า เดล คัมโป ที่ได้ชื่อว่าสวยแปลกตาเพราะมีรูปทรงเป็นรูปพัด ลาดเอียงแบบขั้นบันได ตั้งอยู่ด้านหน้าศาลาว่าการเมือง             เซียน่า เดินเล่นชมเมือง บ้านเรือนต่างๆ ถึงแม้ดูเก่าแก่ แต่ยังคงถูกใช้งานเป็นที่อยู่อาศัยและร้านค้า มีศาลากลางจังหวัดสไตล์โกธิค น้ำพุเกีย โบสถ์พระแม่นิรมล ที่นี่มี                    เทศกาลพาลิโอแสดงในชุดพื้นเมืองทุกปีมีชื่อเสียงมา

         ค่ำ     บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ภัตตาคาร  / นำคณะเดินทางเข้าสู่ที่พัก

         พักที่:  Hotel Executive Siena  หรือที่พักระดับใกล้เคียง                                             

                                    

วันที่ห้า     ซียน่า – ทิโวรี่ – ช้อปปิ้ง เอาท์เล็ท “La Reggia Designer Outlet”

         เช้า     บริการอาหารมื้อเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

         นำท่านออกเดินทางสู่เมืองทิโวรี่(TIVOLI) ดินแดนที่เป็นส่วนหนึ่งของแคว้นลาซิโอ (LAZIO) ตั้งอยู่บนหน้าผาสูง เหนือแม่น้ำอาเนียน(ANIENE) นำท่านชมบริเวณเนินเขา                 ทิบูทิน(TIBURTINE) ท่านจะได้พบว่าทิวทัศน์สวยงามสุดลูกหูลูกตาจะเปิดต้อนรับปลุกประสาทสัมผัสทุกอย่างให้สดชื่น มีชีวิตชีวา โดยเฉพาะเหล่าวิลล่าพักร้อนของ                     ชนชั้นสูงนสมัยก่อนเพื่อสัมผัสกับความโรแมนติกจับใจ 

         เที่ยง     บริการอาหารมื้อกลางวัน ณ ภัตตาคาร

         บ่าย     จากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่ La Reggia Designer Outlet ศูนย์เอาท์เล็ทที่ใหญ่และมีสินค้าหลากหลายที่สุด มีเวลาให้ท่านช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนม อาทิเช่น                       BIALETTI, Calvin Klein, D&G,DIESEL, Paul Smith, POLO,LEVI'S,REPLAY ฯลฯ 

         ค่ำ     อิสระกับอาหารมื้อค่ำตามอัธยาศัยเพื่อความสะดวกในการช้อปปิ้ง

         พักที่: Holiday Inn Napoli หรือที่พักระดับใกล้เคียง                                             

วันที่หก     เนเปิลส์ – ซอร์เรนโต้ – ปอมเปอี – โรมกรุงวาติกัน - มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์

         เช้า     บริการอาหารมื้อเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

         จากนั้นนำท่านเดินทางสู่“เมืองซอร์เรนโต้” (SORRENTO)ที่มาของเพลง “คัมแบค ทู ซอร์ เรนโต้” และเป็นบ้านเกิดของ เอนริโก คารูโซ (ENRICO CARUSO) นักร้องโอเปรา           ชื่อดัง เป็นเมืองในฝัน ที่งดงามล้ำเลิศ เมืองที่มีทัศนียภาพสวยงามนำท่านเดินทางต่อสู่เมืองเนเปิลส์ (Naples) หรือที่นิยมเรียกเป็นภาษาอิตาลีว่า เมืองนาโปลี (Napoli)                 คือ  อีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ศิลปะ วัฒนธรรม สถาปัตยกรรม ดนตรี และศาสตร์การทำอาหารรับการยอมรับจากทั่วโลก                อีกทั้งยังเป็นเมืองหลวงของจังหวัดเนเปิลส์ (Province of Naples ) และ แคว้นกัมปาเนีย (Campania)แคว้นที่ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของประเทศอิตาลีนั่นเอง นำท่านออกเดิน               ทางสู่เมืองปอมเปอี

         เที่ยง     บริการอาหารมื้อกลางวัน ณ ภัตตาคาร

         บ่าย     นำท่านชม“ เมืองปอมเปอี ” นำชมเมืองโบราณ 2,000 ปีที่ถูกทำลายโดยลาวาของภูเขาไฟ วิโซเวียส ซึ่งภูเขาไฟลูกนี้ระเบิดเอาดินโคลนเถ้าถ่าน และหินละลาย                 ทับถมจมลงไปในดินในชั่วเวลาไม่กี่นาทีเมื่อ พ.ศ.662 ประชาชนนับหมื่นต้องถูกฝังทั้งเป็นตายด้วยความทุกข์ทรมาน โดยไม่มีโอกาสหนีรอดออกมาได้เลยและปอมเปอี                  ก็ถูกลืมไปจากความทรงจำของชาวโลกต่อมาได้มีการฟื้นฟูศึกษาประวัติศาสตร์โบราณชื่อปอมเปอีจึงถูกค้นพบแต่ไม่มีใครทราบว่าอยู่ที่ไหน พ.ศ.2291 ได้พบร่องรอย                    ของซากเมือง เมื่อรื้อดินที่ทับถมออกมาหมดแล้วก็พบซากเมืองที่ใหญ่โต และสร้างด้วยหินอย่างแข็งแรง บางแห่งพบ “ซากชาวปอมเปเอียน และสัตว์เลี้ยงของเขาที่ตาย               กลายเป็นหินยังคงสภาพเดิมทุกประการ ” แต่ทว่าภาพนั้นจะเห็นลักษณะของความหวาดกลัวต่อความตายได้เป็นอย่างดีบางคนนั่งเอามือปิดหน้าตายบางคนนั่งซบกับ                กำแพงบ้านตายก็มี ปอมเปอีจึงได้ ชื่อว่า “ ซากเมืองแห่งความตาย ” จากนั้นนำคณะออกเดินทางสู่ “กรุงโรม”Rome เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของแคว้นลาซีโอ                    และประเทศอิตาลี ตั้งอยู่ทางตอนกลางของประเทศ มีประวัติศาสตร์ยาวนานมากกว่า 2,800 ปีนำคณะท่านเดินทางเข้าสู่ “ นครรัฐวาติกัน ”“ ประเทศเอกราช ”หรือ                     “ รัฐอิสระที่เล็กที่สุดในโลก ”นำท่านเข้าชมภายในของ “มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์”(ขอสงวนสิทธิ์ในการงดการเข้าชมภายในมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ ในกรณี มีการจัดงานพิธี                ต่างๆ ซึ่งไม่อาจเข้าชมได้ หรือในกรณี   คิวต่อแถวในการเข้าชมยาวมากเพื่อไม่ให้เป็นผลกระทบกับรายการท่องเที่ยว อื่นๆในโปรแกรมทัวร์ ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างที่ใหญ่และ                สำคัญที่สุดในนครรัฐวาติกัน เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธ์ของพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกที่มีขนาด “ใหญ่ที่สุดในโลก ” ได้รับการออกแบบโดย “ไมเคิลแองเจลโล ” นำท่านเข้า                สู่ภายในมหาวิหารซึ่งประดับประดาไปด้วยงานศิลปะชิ้นเอกมากมาย อาทิเช่น “ปิเอต้า ”( The Pieta )รูปแกะสลักหินอ่อนแม่พระมารีอุ้มพระศพของพระเยซูเจ้าไว้บนตัก

         ค่ำ     บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ภัตตาคาร 

         พักที่:IH HOTELS ROMA Z3 หรือที่พักระดับใกล้เคียง                        

 

วันที่เจ็ด     โรม – ชมเมือง – โคลอสเซียม – น้ำพุเทรวี่ - วิหารแพนธีออน                                                                   ช้อปปิ้งบันไดสเปน – กรุงเทพฯ            

         เช้า     บริการอาหารมื้อเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

 

         นำท่านเดินทางไปถ่ายภาพคู่กับ “สนามกีฬาโคลอสเซียม” 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก สนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่ที่มีโครงสร้างเกือบสมบูรณ์ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโรม                 โดยนับเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีการสร้างขึ้นมาในสมัยอาณาจักรโรมัน ระหว่างทาง ท่านจะสามารถชมความงดงามสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่ของ                  กรุงโรมจากนั้นรถโค้ชแล่นผ่านสถานที่สำคัญต่างๆ พร้อมชมสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่ภายในกรุงโรม อาทิ “ จัตุรัสเวเนเซีย ” Piazza Venezia จตุรัสที่ยิ่งใหญ่ใจกลาง                    กรุงโรม ผ่านชมระเบียงปาลาสโซ สถานที่ใช้กล่าวสุนทรพจน์ของมุสโสลินีในโอกาสต่างๆ  “ อนุสาวรีย์พระเจ้าวิคเตอร์ เอ็มมานูเอ็ลที่ 2 ” ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นพระบิดาของ                      ชา อิตาลี “ประตูชัยคอนสแตนติน” สัญลักษณ์แห่งชัยชนะและที่มาของ “ถนนทุกสายมุ่งสู่กรุงโรม” ชมร่องรอยของศูนย์กลางแห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ “โรมันฟอรั่ม”

         เที่ยง     บริการอาหารมื้อกลางวัน ณ ภัตตาคาร

         บ่าย     นำคณะท่านชมความสวยงามของ “น้ำพุเทรวี่” เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของกรุงโรม น้ำพุแห่งนี้มีความเชื่อกันว่า การโยนเหรียญลงไปแล้วจะได้กลับมาเยือนกรุงโรม             อีกครั้งจากนั้นนำคณะท่าน เดินทางชม ช่อง “โอคูลูส” ช่องแสงซึ่งเป็นวงกลมขนาดใหญ่อยู่ตรงกลางหลังคาโดมของ “วิหารแพนธีออน”

 

         *** อิสระอาหารมื้อค่ำเพื่อความสะดวกในการช้อปปิ้ง ***

         19.45 น.     ออกเดินทางสู่กรุงเทพฯโดยเที่ยวบินที่ TK1864

         23.30 น.     เดินทางถึงอิสตันบูล (แวะพักเปลี่ยนเครื่อง)

 

วันที่แปด     กรุงเทพฯ

         01.45 น.     เหิรฟ้าสู่กรุงเทพฯโดยเที่ยวบินที่ TK068

         15.25 น.     เดินทางถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ / โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ

 

         ***หมายเหตุ    โปรแกรมการเดินทางอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม เนื่องจากสภาพ ลม ,ฟ้า , อากาศ,การล่าช้าอันเนื่องมาจากสายการบิน และสถานการณ์ใน               ต่างประเทศที่ทางคณะเดินทางในขณะนั้น เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง โดย ได้มอบหมายให้ หัวหน้าทัวร์ผู้นำทัวร์ มีอำนาจตัดสินใจ ณ ขณะนั้นทั้งนี้การตัดสินใจ                 จะคำนึงถึงผลประโยชน์ของหมู่คณะเป็นสำคัญ***


Visitors: 1,207,037