SUMMERHEART แคชเมียร์ เลห์ - ลาดักซ์ 9 วัน 6 คืน
SUMMERHEART แคชเมียร์ เลห์ - ลาดักซ์ 9 วัน 6 คืน
โซนามาร์ค ล่องเรือซิคาร่าล่องทะเลสาบดาล ช้อปปิ้งถิ่นผ้าพาสมิน่ากลางทะเลสาบ
ทะเลสาบพันกอง ทะเลสาบน้ำเค็มที่อยู่สูงที่สุดในโลกด้วย! คือ “น้ำตาแห่งหิมาลัย”
นูบร้าวัลเล่ย ขี่อูฐ 2 โหนก ณ ฮุนเดอร์ แซนด์ ดูนส์ ทะเลทรายสีเงิน
คาร์ดุง ลา พาสไฮไลท์ วัดดิสกิต Diskit Monastery จุดชมวิวซางกัม วัดดเฮมิส วัดติกเซ่ย์
รายการท่องเที่ยว (ช่วงที่สวยที่สุด) 9 – 17 กรกฏาคม / 11 – 19 สิงหาคม 2565
วันที่-1 |
กรุงเทพฯ - เดลลี - ศรีนาคา |
|
16.00 น. คณะพร้อมกัน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชั้น4 เคาน์เตอร์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชั้น4 เคาน์เตอร์ ชั้น 4 ประตู 4 หรือ 5 เคาน์เตอร์การบินไทย พบเจ้าหน้าที่บริษัทคอยต้อนรับและอำนวยความสะดวกเรื่องสัมภาระและเอกสารการเดินทางแก่ท่าน
หมายเหตุ : ท่านต้องแสดงวัคซีนพาสปอรต์หรือเอกสารการได้รับวัคซีน Covid19(International Vaccine Certificate)ขณะเช็คอิน
23.15น. ออกเดินทางจาก กรุงเทพฯ สู่ เมืองเดลลี(New Delhi) ประเทศอินเดียโดยสายการบิน THAI AIRWAYS เที่ยวบินที่ TG331 **บริการอาหารร้อนพร้อมเครื่องดื่มตลอดการเดินทาง(เวลาที่อินเดียช้ากว่าประเทศไทย 1.30 ชั่วโมง
วันที่-2 |
เดลลี - ศรีนาคา |
|
02.15 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติอินทิราคานธีร์ เมืองเดลลี(New Delhi) ตามเวลาท้องถิ่นผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและตรวจรับสัมภาระ
จากนั้น นำท่านเข้าสู่อาคารผู้โดยสารภายในประเทศเพื่อต่อเครื่องเข้าสู่เมืองศรีนาคา( แคชเมียร์ )
*****บริการอาหารเช้า ณ สนามบินอินเดีย***
06.25 น. เหินฟ้าสู่ เมืองศรีนาคา (Srinagar) เมืองหลวงของแคว้นจามมู (Jammu) และ แคชเมียร์ (Kashmir) โดยสายการบิน SPICEJET เที่ยวบินที่ SG473
08.10 น. เดินทางถึงสนามบินศรีนาคา (Srinagar) ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและพร้อมรับสัมภาระแล้วนำท่านเดินทางสู่พาฮาลแกม โดยขบวนรถเทมโบ “แคชเมียร์ "ดินแดนแห่งสวรรค์บนดิน" จากคำกล่าวเล่าขานกันปากต่อปากว่า ถ้ามาแคชเมียร์ ต้องไม่พลาดกับการไปสัมผัสเมือศรีนาคา เมืองหลวงในฤดูร้อน ที่ตั้งอยู่บนระดับความสูง 1,730 เมตร เมืองที่ได้เชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งทะเลสาบและสายน้ำ สวนดอกไม้ ทิวทัศน์แห่งขุนเขาและงานศิลปะที่ประดิษฐ์จากไม้ รวมทั้งการได้ไปชมสวนดอกไม้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดแห่งหนึ่งในโลก นั้นคือการตกแต่งสวนสวยด้วยงานศิลปะที่ผสมผสานจากหลายหลายรูปแบบ…
นำท่านชม สวนโมกุล (Mughal Gardens) สวนสวรรค์แห่งดอกไม้สวนนิชาท (Nishat ) มีลานน้ำพุ ทอดยาวจนถึงพระที่นั่งชั้นในแต่ที่พิเศษกว่าคือสวนทั้งหมดนั้นสร้างขึ้นบนลานที่ยกสูงขึ้น หันหน้าสู่ทะเลสาบ เป็นสวนที่ใหญ่ที่สุด มีต้นเมเปิลอายุกว่า 400 ปี ต้นปอปลาร์ ต้นทิวลิป และดอกไม้นานาชนิดตามฤดูกาล ตั้งอยู่ริมทะเลสาบดาล มีภูเขาZabarwan ซึ่งตั้งเป็นฉากหลัง
สวนชาลิมาร์ (Shalimar) สร้างในสมัยราชวงศ์โมกุล ในช่วงสมัยของ จักรพรรดิจาฮันจีร์ (Jehangir) สร้างเพื่อพระมเหสีเนอร์ เจฮัน (Nur Jehan) อันเป็นที่รักและเป็นที่ประทับในช่วงฤดูร้อนอีกด้วย
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตาคารหรือ โรงแรม ที่โซนามาร์ค
บ่าย นำท่านเข้าสู่...”บ้านเรือวิมานบนดินแห่งแคชเมียร์” ..วิถีชีวิตในทะเลสาบดาล แคชเมียร์ House Boats อันเป็น วิมานบนดิน เกิดขึ้นในยุค ควีนส์วิคตอเรีย ซึ่งอังกฤษได้เข้ามา ครอบครองอินเดีย หลังอินเดียถูกปลดปล่อยให้เป็นเอกราช ...House Boats เหล่านี้จึงตกเป็นของรัฐ...ต่อมาได้เปลี่ยนถ่ายมาเป็นของเอกชน จึง ปรับเป็นที่พักรองรับนักท่องเที่ยว
16.30 น. นำท่านล่องเรือสิคารา (เรือพายแบบแคชเมียร์) ในทะเลสาบดาล ชมทัศนียภาพของเทือกเขาที่ล้อมรอบทะเลสาบดาล ชมสวนผักลอยน้ำ วิถีชีวิตชาวบ้านที่อาศัยตามริมน้ำ (ใช้เวลาในการล่องเรือประมาณ 1 ชม.) รอบทะเลสาบ นกนานาชนิด พืชดอกไม้น้ำ ทะเลสาบใสสวยงาม สนุกสนานกลางทะเลสาบเลือกซื้อสินค้าพื้นเมืองของชาวแคชเมียร์ที่นำของมาขายให้ท่านได้เลือกซื้อในราคาตามความสามารถได้เวลาสมควรพายเรือกลับที่พัก .....
ค่ำ บริการอาหารเย็น ณ โรงแรมบ้านเรือ...อิสระหลังอาหาร สนุกสนานกับการช้อปปิ้งสิ้นค้าเพื้อนเมือง ที่จะมีพ่อค้าชาวแคชเมียร์พายเรือมาขายให้ถึงที่เลย อาทิ ผ้าพาศมิน่า,เปเปอร์มาเช่,สร้อยคอ,กำไร,และเครื่องเงินต่างๆ มากมาย ...ให้ทุกท่านใช้ความสามารถพิเศษให้เต็มที่กันเลยค่ะ
ที่พักโรงแรมเรือ DELUXE HOUSE BOAT อิสระพักผ่อนตามอัธยาศัย
วันที่-3 |
โซนามาร์ค – คากิลร์ (Kargil) |
|
07.00 น. บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม
08.00 น. นำท่านเดินทางสู่ โซนามาร์ค (Sonamarg) (ประมาณ 3 ชั่วโมง) จากเมืองศรีนาคา ชมหุบเขาชิน (Sindh)
ระหว่างสองข้างทางท่านจะพบกับทิวทัศน์ที่น่าตื่นตาตื่นใจที่ไต่ ความสูงขึ้นเรื่อยๆ พร้อมสัมผัสวิถีชีวิตของชาวชนบทแคชเมียร์ ชมป่าวอลนัตที่ปลูกเรียงรายตลอดสองข้างทาง ชมทิวทัศน์ของทุ่งหญ้าสีทอง (Meadow of gold) หรือ ทุ่งดอกมัสตาร์ด และชมวิวที่ราบลุ่มที่มีเทือก เขาหิมาลัยเป็นฉากหลัง ที่เรียกขานตามท้องถิ่นว่า “ทาจิวาส” ภูเขาซึ่งปกคลุมไปด้วยหิมะตลอดปี มีแม่น้ำสินธุลดเลี้ยวผ่านหุบเขาในอีกฟากของถนน โซนามาร์คได้รับสมญานามว่าเป็น “ประตูสู่ลาดัคห์” หรือจุด เริ่มต้นที่จะมุ่งหน้าไปยังลาดัคห์นั่นเอง
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตาคารหรือ โรงแรม ที่โซนามาร์ค
บ่าย นำท่านเดินทางสู่ คากิลร์ (KARGIL) (ระยะทาง 125 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทาง 5 ชั่วโมง) เส้นทางที่สวยงามจนเปรียบเสมือนถนนโลกพระจันทร์..เส้นทางนี้จะเปิดให้รถวิ่งในช่วงฤดูร้อน ช่วงที่หิมะเริ่มละลาย เดือน พฤษภาคม ถึงเดือน ตุลาคม นอกนั้นฤดูอื่นถนนเส้นนี้จะเป็นน้ำแข็ง มีหิมะเกาะคลุมไปทั่ว) “คากิลร์” ตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 2,650 เมตร จากระดับน้ำทะเล เป็นเมืองที่มีการค้าขายกับชายแดนปากีสถาน มีประชากรแสนกว่าคน ส่วนมากนับถือศาสนาอิสลามนิกาย Shia มีศาสนาฮินดูและซิกข์ เพียงเล็กน้อย
เดินทางต่อไป....ผ่านโซจิ ลา Zojila Pass (3,540 m) พาสแรกที่เราผ่านที่เป็นเหมือนด่านแรกให้เราได้ปรับตัวบนที่สูง เส้นทางนี้จะเปิดช่วงเดือน ปลายเมษายนของทุกปี และ เมืองดราส Dras หรือ Drass (ห่างจากโซนามาร์60 กิโลเมตร) เป็น Hill Station ในอำเภอคาร์กิล ลาดักตั้ งอยู่บนทางด่วนสาย NH 1 ระหว่างช่องเขาโซจีลากับเมืองคาร์กิล ดราสเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญหนึ่ง และได้รับการขนานนามเป็น "ประตูสู่ลาดัก" “คาร์กิล” เป็นเมืองสุดท้ายที่เป็นเขตอิสลามก่อนเข้าเขตเมืองศาสนาพุทธ ถึงแม้เป็นเมืองใหญ่แต่นักท่องเที่ยวมักใช้เป็นเมืองทางผ่านแวะค้างคืนเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองรองจากเลห์ ตลอดเส้นทางจะเห็น วิถีชีวิตและวัฒนธรรมเก่าแก่ของชาวแคชเมียร์ ชมวิวทิวทัศน์ที่สุดแสนมหัศจรรย์ แล้วเราจะถึง เมือง Kargil ช่วงค่ำๆ
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเข้าที่พัก Hotel Zojila Residency หรือเทียบเท่า
วันที่-4 |
คากิลร์ (Kargil)- ลามายูรู (Lamayuru)- เลห์ (Leh) |
|
06.30 น. บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม
07.30 น. นำท่าน “ชมอนุสรณ์สถานสงครามคากิลร์” อนุสรณ์สถานสงครามคาร์กิล เบื้องหลังคือชื่อของทหารที่เสียชีวิตระหว่างการสู้รบและเป็นอนุสรณ์สำหรับพวกเขาที่ด้านหน้าหรือที่เรียกว่าอนุสรณ์สถานสงคราม Dras เป็นอนุสรณ์สถานสงครามที่สร้างโดยกองทัพอินเดียในเมืองDras เพื่อรำลึกถึง สงคราม Kargilในปี 1999 ระหว่างอินเดียและปากีสถาน
ออกเดินทางสู่เมืองเลห์…ระหว่างทางผ่าน อาราม Mulbekh Monastery ชมรูปปั้นพระศรีอริยเมตไตรยสูง 30 ฟุต ซึ่งแกะสลักไว้บนแผ่นหินขนาดมหึมา มองเห็นทางหลวง Leh-Kargil เป็นอีกจุดที่แสดงถึงการเข้ามาของศาสนาพุทธในภูมิภาคนี้ รูปปั้นสะท้อนให้เห็นถึงการผสมผสานระหว่างอิทธิพลของศาสนาพุทธและชาวไศวร์ มีจารึกโบราณตั้งอยู่ใกล้กับรูปปั้น พร้อมด้วยพระราชกฤษฎีกาที่กษัตริย์ออกให้ชาวบ้านในท้องถิ่นละทิ้งการบูชา
จากนั้น ออกเดินทางต่อไป สู่เมืองเลห์ Lehตามทางหลวงไร้หมายเลข ไปจนถึงเมืองเลห์ เมืองหลวงแห่งลาดักห์… เมืองทางเหนือของประเทศอินเดียที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขาหิมะ ธรรมชาติแสนยิ่งใหญ่ และวัฒนธรรมของชาวลาดักห์ (ระยะทาง 229 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทาง 9 ชั่วโมง)...ระหว่างผ่านเมือง เมืองลามายูรุ (Lamayuru) Moonland ดินแดนโลกพระจันทร์ ซึ่งเป็นหุบเขาแห้งแล้งเหมือนเรากำลังเดินทางผ่านดาวอังคาร ตลอดเส้นทางจะเห็น วิถีชีวิตและวัฒนธรรมเก่าแก่ของชาวแคชเมียร์ ชมวิวทิวทัศน์ที่สุดแสนมหัศจรรย์
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารถ้องถิ่น ระหว่างทาง
บ่าย นำท่าน วัดลามายูรู(Lamayuru Monastery) หนึ่งในวัดที่เก่าแก่ที่สุดในลาดัก ได้สมยานามว่าเป็น “อารามนิรันด์” เป็นวัดที่เก่าแก่มากที่สุดและเป็นวัดที่มีความสำคัญทางพุทธศาสนาตั้งอยู่ที่เมืองเลห์ ลาดัก วัดศาสนาพุทธในทิเบตแห่งนี้เป็นพระอารามหรือในภาษาทิเบตเรียกว่ากอมปาที่เก่าแก่ที่สุดของภูมิภาคทิเบต หรือรู้จักกันโดยทั่วไปว่า “สถานที่แห่งเสรีภาพ”วัดแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นสถานที่ปฏิบัติกรรมฐานของพระอริยสงฆ์ในอดีตอีกด้วย
จากนั้น เดินทางต่อ..ตามทางหลวงไร้หมายเลข ไปจนถึงเมืองเลห์ เราจะผ่าน แม่น้ำสินธุ (Indus River)และแม่น้ำซันสการ์ ((Zanskar River) มาบรรจบกันเป็นแม่น้ำสองสี อีกหนึ่งสถานที่ที่น่าสนใจนำพาท่านจอดชม Magnetic Hill นี่จริงๆแล้วมีชื่อเรียกอีกชื่อว่า Gravity Hill ประเด็นมันมีอยู่ว่า ถ้าจอดรถเอาไว้ตรงจุดที่เค้ากำหนดไว้แล้วดับเครื่องยนต์ เราจะเห็นเหมือนกับว่า รถมันไหลขึ้นภูเขาได้เอง ซึ่งจริงๆแล้วมันเป็นภาพลวงตา ทางถนนจริงๆมันเป็นทางลงเขาต่างหาก แต่มุมมองที่มองมันเหมือนกับขึ้นภูเขานั่นเอง...เดินทางต่อไปสู่ที่พัก ในเมืองเลห์
“เมืองเลห์” เป็นเมืองหนึ่งในเขตเลห์ของลาดักบนเทือกเขาหิมาลัย มีชื่อเสียงจากการเป็นที่ตั้งของพระราชวังเลห์ซึ่งเป็นอดีตวังของเจ้านายลาดักในอดีต ลักษณะใกล้เคียงกับพระราชวังโปตาลา เคยเป็นที่ประทับของทะไลลามะที่ 14 ก่อนเสด็จไปประทับที่เมืองธรรมศาลา รัฐหิมาจัลประเทศ ในช่วงการก่อการกำเริบในทิเบต พ.ศ. 2502
เลห์ตั้งอยู่บนความสูง 3,524 เมตรจากระดับน้ำทะเล มีทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 เชื่อมการเดินทางกับเมืองศรีนครทางตะวันตกเฉียงเหนือ และทางหลวงเลห์–มะนาลีเชื่อมการเดินทางไปยังเมืองมนาลีทางใต้
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
ที่พัก HOTEL JIGMET หรือเทียบเท่า
วันที่-5 |
เมืองเลห์ (Leh) - ถนนที่สูงที่สุดในโลก Khardung La Pass - นูบร้าวัลเล่ย์ – วัดดิสกิต- ขี่อูฐที่ฮุนเดอร์-หุบเขานูบรา(Nubra Valley ) |
|
หมายเหตุ:กรุณาเตรียมกระเป๋าเล็กเพื่อ พักในหุบ เขานูบรา 1 คืน
07.00 น. บริการอาหาร ณ ที่พัก
08.00 น. เดินทางสู่ นูบร้าวัลเล่ย์ (Nubra Valley) (ใช้เวลาประมาณ 5-6 ชั่วโมง) โดยวันนี้เราจะใช้เส้นทางถนนที่สูงที่สุดในโลก คาร์ดุง ลา พาส (Khardung La Pass) ที่ระดับความสูงราว 5,600 เมตร นับเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ห้ามพลาดเมื่อมาเที่ยวอินเดียและเลห์ ลาดัก เพราะที่นี่คือถนนที่สูงที่สุดในโลก! มีความสูงอยู่ที่ 5,602 เมตรเป็นเส้นทางที่สวยมาก จากจุดนี้เราสามารถมองเห็นเทือกเขาคาราโครัมในประเทศปากีสถานได้เลย ..และที่จุดสูงสุดนี้เราจะไม่ให้คณะอยู่นานนัก เพราะอากาศที่เบาบางอาจทำให้เราแพ้ความสูงและไม่สบายได้..คณะหยุดเก็บภาพเป็นที่ระลึกจากนั้นออกเดินทางต่อไป ...หุบเขานูบราวัลเลย์ “นูบร้าวัลเล่ย”
“นูบร้าวัลเล่ย”“ (Nubra Valley) นูบรา หมายถึงหุบเขาแห่งดอกไม้ เป็นแหล่งปลูก Apricot และผลไม้หลากหลายของลาดัก เป็นที่อยู่อาศัยของนกนานาชนิด อยู่ห่างจากเลห์ไปทางเหนือ 125 km โอบล้อมด้วยเทือกเขาหิมาลัยและเทือกเขาคาราโครัม (Karakoram Range) ซึ่งเทือกเขาคาราโครัมนี้ เป็นเขตแดนตามธรรมชาติกั้นอินเดียกับปากีสถาน และก่อนหน้าปี ค.ศ. 1994 ทางการอินเดียไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้ามาในหุบเขานี้เลย....นำท่านเข้าที่พัก ...ให้ทุกท่านได้ปรับร่างกาย
12.30 น. บริการกลางวัน ณ ณ ภัตตาคาร / โรงแรม
บ่าย นำท่านชม “หมู่บ้านฮุนเดอร์” เรียกว่า หมู่บ้านธารน้ำไหล เพราะไม่ว่าจะไปทางไหนของหมู่บ้านจะได้ยินเสียงธารน้ำไหลตลอดเวลา ฮุนเดอร์ยังมีเนินทะเลทรายถูกโอบล้อมไปด้วยภูเขาใหญ่หลายลูก ทรายมีสีน้ำตาลอ่อน เนื้อทรายละเอียดเมื่อมองไปสุดลูกหูลูกตาก็จะเห็นภูเขาที่มีหิมะปกคลุมพร้อมเนินทรายอยู่ข้างหน้า สวยมาก
พาท่าน“ขี่อูฐนูบร้า” ชม ฮุนเดอร์ แซนด์ ดูนส์ ที่ และถ่ายรูปได้ชิคๆ กันได้เลย เพราะอูฐที่นี่เชื่องมาก เป็นมิตรกับนักท่องเที่ยวมากอีกด้วย นำท่านชมทะเลทรายสีเงินแห่งหุบเขานูบร้า หรือ Silver Sand Dune of Nubra Valleyอูฐนูบร้าสองหนอก พันธุ์ Bactrain ตัวไม่ใหญ่เหมือนอูฐแถบโอมานหรืออิยิปต์ อูฐสองหนอกพบได้ในพื้นที่อื่นทางตอนเหนือของอินเดียเช่นกัน เดิมทีใช้เป็นพาหนะหลักสำหรับขนส่งสินค้าตามเส้นทางแถบเอเชียกลาง …ได้เวลาอันสมควรเข้าที่พัก
***ช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการชมทะเลทรายคือ ช่วงเวลาเช้า หรือ เย็น เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่มีแสงสวยและไม่ร้อนจนเกินไป
ค่ำ บริการ อาหารค่ำ ณ ที่พัก หลังอาหารอิสระพักผ่อนตามอัธยาศัย
ที่พัก ณ MINA RETREAT CAMP หรือเทียบเท่า
วันที่-6 |
หุบเขานูบรา - เมืองเลห์ |
|
07.00 น. บริการอาหาร ณ ที่พัก
08.00 น. นำท่านชม “วัดเดสกิต” (Deskit Monastery) “พระศรีอริยเมตไตย์ประทับนั่งห้อยพระบาทบนฐานองค์ใหญ่ มีระเบียงกว้างชมวิว 360 องศา” เป็นวัดพุทธทิเบตลามะหมวกเหลือง และตั้งอยู่บนเนินเขาเป็นจุดชมวิวที่สวยงามวัดดิสกิตเป็นวัดที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในหุบเขานูบรา ภายในประดิษฐานพระศรีอาริยเมตไตขนาดใหญ่มากมองเห็นได้จากทั่วทุกซอกมุมของนูบร้าวัลเลย์และตัววัดก็มีฉากหลังเป็นยอดเขาหิมะที่สวยงามวัดเก่าแก่อายุมากกว่า 500ปี
จากนั้น เดินทางกลับเมืองเลห์ ...อำลา “หุบเขาดอกไม้” นำท่าน ผ่านหมู่บ้านซูเมอร์แวะชมวัดซัมสทันลิ่ง (Samstanling Monastery) วัดพุทธสไตล์ทิเบต ของนิกายหมวกเหลือง ภายในวัดประกอบไปด้วยวัดน้อยใหญ่รวมกันกว่า 7 วัด ที่มีความเก่าแก่มากกว่า 100 ปีเป็นวัดที่มีพระและเณรจำนวนมาก มีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่อนุรักษ์ดูแลไว้เป็นอย่างดี...จากนั้นเดินทางสู่เมืองเลห์ ข้ามคาร์ดุงลา “Khardung La” ถนนที่สูงที่สุดในโลก อีกรอบผ่าน ใช้เวลาประมาณ 5-6 ชั่วโมง โดยใช้เส้นทางผ่าน Khardungla Pass เส้นทางเดิมที่มา
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ เมืองเลห์
บ่าย ถึงเมืองเลห์ พาท่าน ชมพระราชวังเลห์ (LEH PALACE) พระราชวังเลห์ ตั้งอยู่บนเนินเขาสามารถมองเห็นได้ชัดเจนจากจัตุรัสกลางเมืองเลห์ พระราชวังเลห์สร้างขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 17 มีทั้งหมด 9 ชั้น ในอดีตเป็นพระราชวังที่ประทับของราชวงศ์แห่งลาดักห์ ชมTsemo Gompa เป็นวัดที่สร้างใน ค.ศ. 1430 ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปสูงขนาดตึก 3 ชั้น และพระคัมภีร์เก่าแก่ วัดนี้เป็นจุดชมวิวอีกจุดหนึ่ง ที่สามารถเห็นตัวเมืองเลห์ได้อย่างสวยงาม ชมและสักการะเจดีย์สันติภาพ(Shanti Stupa) เจดีย์สันติภาพ เป็นเจดีย์สีขาว ขนาดใหญ่โดยญี่ปุ่นเป็นผู้สร้างขึ้นเพื่อประกาศพระศาสนาและแสดงถึงสันติภาพแห่งโลก รอบๆเจดีย์สามารถมองเห็นหิวทัศน์ของเมืองเลห์ได้อย่างรอบด้าน
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรม อิสระพักผ่อนตามอัธยาศัย
พัก HOTEL JIGMET หรือเทียบเท่า
วันที่-7 |
เมืองเลห์ – ทะเลสาบพันกอง-เมืองเลห์ |
|
06.30 น. บริการอาหาร ณ ที่พัก
07.00 น. จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ “ทะเลสาบพันกอง” (PangongLake) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมงโดย
วันนี้เราจะนั่งรถผ่านถนนเส้นที่สูงเป็นอันดับ 3 ของโลก ชาง ลา Chang La pass ระหว่างทางขึ้นมันก็สวยแบบเกินคำบรรยาย...เป็นทางผ่านภูเขาสูงในเมืองลาดัก เป็นถนนที่ขับรถยนต์ได้ที่สูงเป็นอันดับสองของโลก
“ทะเลสาบพันกอง” (Pangong Lake) หรือชื่อว่าทะเลสาบผางกงโฉ (ในภาษาจีน) นั้นตั้งอยู่ตอนเหนือสุดของแคว้นลาดักห์ เป็นพื้นที่พรมแดนทับซ้อนของอินเดียและจีน (พื้นที่เขตการปกครองตนเองทิเบต) พื้นที่ของทะเลสาบเองก็มีพื้นที่ครอบคลุมรอยต่อของทั้ง 2 ประเทศเช่นกัน โดย 40% ของความยาวทะเลสาบจะอยู่ในอินเดียและส่วนอีก 60% ที่เหลือจะอยู่ในดินแดนจีนระดับความสูง 4,350 เมตร
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ริมทะเลสาบพันกอง
ชมความงามของ ทะเลสาบพันกอง (Pangong Lake) ซึ่งมีความยาวถึง 40 ไมล์ และกว้าง 2-4 เป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่อยู่สูงสุดในโลกคือ มีความสูงถึง 4300 เมตร จากระดับน้ำทะเล ชมความงามของทะเลสาบที่มีภูเขาสูงเป็นฉากหลัง น้ำในทะเลสาบแห่งนี้มีสีสันที่งดงามมาก โดยเฉพาะในช่วงเย็นน้ำจะมีสีน้ำเงินเข้ม ส่วนในช่วงเช้าจะมีสีที่อ่อนกว่า และพื้นที่ 75% ของทะเลสาบอยู่ในดินแดนทิเบต อีก 25% อยู่ในเขตของประเทศอินเดีย ..อิสระถ่ายรูป กับ ทะเลสาบพันกอง เป็นวิวที่เรียกว่า ได้รับความนิยมสูงสุดของเลห์..
ได้เวลาอันสมควร.. จากนั้นเดินทางกลับสู่เมืองเลห์ โดยใช้เส้นทางเดิม โดยการเดินทางในวันนี้จะผ่านจุดที่สูงที่สุดของถนนสายนี้คือประมาณ 5,300 เมตรจากระดับน้ำทะเล เรียกจุดนี้ว่า Chang La Pass เราจะจอดให้ท่านได้ถ่ายรูปสักครู่ ไม่ควรอยู่นานเกินไปเพราะจะทำให้เราไม่สบายได้..ออกเดินทางต่อค่ะ เพลิดเพลินกับวิวสองข้างทางเปิดโอกาสให้จอดถ่ายรูปเป็นระยะๆ
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรมอิสระพักผ่อนตามอัธยาศัย
พัก HOTEL JIGMET หรือเทียบเท่า
วันที่-8 |
เมืองเลห์ - เดลลี - กรุงเทพฯ |
|
07.00 น. บริการอาหาร ณ ที่พัก
08.00 น. นำท่านเดินเล่น ช็อปปิ้งเลือกซื้อสินค้าของฝากของที่ระลึกที่ถนนเมนบาร์ซาร์Leh Marke ตลาดแบ่งออกเป็นทางเดินและถนนเล็กๆ หลายแห่ง โดยแบ่งเป็นส่วนเสื้อผ้า สิ่งประดิษฐ์ เครื่องเทศ อาหาร ของที่ระลึก และงานหัตถกรรม หนึ่งในสิ่งยอดนิยมที่ตลาดหลักเลห์มีชื่อเสียงคือเสื้อผ้าทำด้วยผ้าขนสัตว์ เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น ผู้คนในเลห์จึงมีวัฒนธรรมการทอผ้าทอมือ ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นที่นิยมและเป็นที่ต้องการของสินค้าในท้องถิ่นของลาดัก
10.00 น. จากนั้นนำท่านเดินทาง สู่สนามบินเลห์
12.20 น. เหินฟ้ากลับเดลี โดยสายการบิน SPICEJET เที่ยวบินที่ SG124
ได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางสู่สนามบินเดลลี (อิสระอาหารค่ำในเดลลีตามอัธยาศัย)
21.10 น. ออกเดินทางกลับ กรุงเทพฯ โดยสายการบิน SPICEJET เที่ยวบินที่ SG740
วันที่-9 |
กรุงเทพฯ |
|
05.25 น. เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ....
******************
**รายการนี้เป็นเส้นทางกึ่งผจญภัย เหมาะสำหรับผู้เดินทางที่รักและหลงใหลในธรรมชาติอย่างแท้จริงและเส้นทางท่องเที่ยวบางครั้งขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและความปลอดภัยเป็นสำคัญ***
หมายเหตุ :
- เวลาที่ปรากฏในโปรแกรมกับการปฏิบัติจริงอาจแตกต่างกันเล็กน้อย ขอให้ท่านรับทราบคำแนะนำการเปลี่ยนแปลงการนัด หมายเวลาในการทำกิจกรรมอีกครั้งจากหัวหน้าทัวร์
- บริษัทอาจทำการเปลี่ยนแปลงรายการ ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม แต่จะยึดผลประโยชน์ของลูกค้าเป็นสำคัญ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาวะของสายการบิน โรงแรมที่พัก ภูมิอากาศ ภัยธรรมชาติ การนัดหยุดงานฯลฯ ตลอดจนสภาวะทาง เศรษฐกิจและสถานการณ์ทางการเมืองภายใน อันเป็นสาเหตุให้ต้องเลื่อนการเดินทางหรือไม่สามารถจัดพาคณะท่องเที่ยวได้ตามรายการ
“ราคาทัวร์สำหรับลูกค้าที่ถือพาสปอร์ตไทยเท่านั้น”
***พาสปอร์ตต่างชาติโปรดติดต่อเรา**
อัตราค่าบริการ (โปรแกรม SWEETHEART KASHMIR LEH 9 วัน 6 คืน)
ผู้ใหญ่พัก 2 ท่าน |
48,888.- |
บาท. |
พักเดี่ยวเพิ่มท่านละ |
8,500.- |
บาท |
ราคานี้*ผู้ใหญ่ (12 ปี ขึ้นไป) เนื่องจากเป็นราคาตั๋วกรุ๊ปหรือเป็นราคาโปรโมชั่น ไม่มีราคาสำหรับเด็ก ..บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์กรุ๊ปออกเดินทางตั้แต่ 14 ท่านขึ้นไป / หรือปรับเปลื่ยนราคาหรือตามที่ได้ตกลงกับทางบริษัทฯ
**หากท่านที่จะอกอตั๋วภายในประเทศ (เครื่องบิน รถไฟ รถทัวร์)กรุณาสอบถามที่เจ้าหน้าที่ทุกครั้งก่อนทำการออกตั๋วเนื่องจากสายการบินอาจมีการหรับเปลี่ยน ไฟล์ท หรือ เวลาบิน โดยไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า
สายการบิน SPICEJET เป็น low cost Airline หากผู้โดยสารต้องการยืนยันการจองกรุณา ชำระค่าโดยสารทั้งหมด (แบบเต็มจำนวน) ภายใน 3 วัน นับจากวันที่ทำการตกลงจองกับทางเจ้าหน้าที่(กรณีที่จ่ายมัดจำมาแล้ว) บริษัทจะออกตั๋วผู้โดยสารทั้งหมด 10 วันก่อนการเดินทาง หากท่านชำระเงินมัดจำแล้วคือการยืนยันที่นั่งของท่าน โปรดอ่านเงื่อนไขให้เข้าใจก่อนชำระเงิน...ขอบคุณค่ะ/ครับ
การชำระเงิน
งวดที่ 1 : สำรองที่นั่งจ่าย 21,000 บาท / ท่าน ภายใน 3 วันหลังมีการยืนยันกรุ๊ปเดินทางแน่นอนหรือตาม เจ้าหน้าที่กำหนด
งวดที่ 2 : ชำระส่วนที่เหลือ 35 วัน ล่วงหน้าก่อนออกเดินทางหรือตามเจ้าหน้าที่กำหนด
อัตราค่าใช้จ่ายรวม
- ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับชั้นประหยัด กรุงเทพฯ-เดลลีและ เดลลี- กรุงเทพฯโดยสายการบิน SPICEJET (กระเป๋าเดินทางน้ำหนักตามที่สายการบินกำหนด)
- ค่าตั๋วเครื่องบินภายในประเทศ เดลลี-ศรีนาคา และ เลห์ -เดลลี (กระเป๋าเดินทางน้ำหนักตามที่สายการบินกำหนด)
- ค่าภาษีสนามบิน ค่าภาษีน้ำมัน และค่าประกันภัยทางอากาศ (ประเทศตามระบุในโปรแกรมทัวร์)
- ค่าที่พักโรงแรมตามที่ระบุตลอดการเดินทาง พักห้องคู่ (อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม)
- ค่าอาหารตามโปรแกรมที่ระบุและน้ำเปล่าภายในภัตตาคาร ระหว่างมื้ออาหาร
- ค่าวีซ่าอินเดียออนไลน์ (e-Visa) แบบไม่โชวร์ตัว
- ค่าน้ำเปล่าท่านละ 2 ขวดต่อวัน บนรถ
- ค่าพาหนะ รถรับ-ส่ง ตลอดการเดินทาง
- ค่าธรรมเนียมเข้าชมสถานที่ตามระบุในโปรแกรม
- ค่าประกันภัยการเดินทางอุบัติเหตุวงเงิน 1,000,000 บาท และ ค่ารักษาพยาบาลในต่างประเทศวงเงิน 2,000,000 บาท ค่ารักษาพยาบาลต่อเนื่องในประเทศไทย 50,000 บาท (คุ้มครองผู้เอาประกันภัย อายุระหว่าง 6-75 ปี ในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยอายุต่ำกว่า 6 ปี หรือ ระหว่าง 76 ปีขึ้นไปจะมีเบี้ยประกันคุ้มครอง 50 % ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของกรมธรรม์ / ผู้เอาประกันภัยอายุสูงกว่า 85 ปี ทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการคุ้มครอง) ประกันครอบคลุมการติดโควิดและการรักษาในต่างประเทศ(ต้องมีใบเสร็จโรงพยาบาลเท่านั้น)และหลังจากกลับจากต่างประเทศต่อเนื่องอีก 7 วัน วงเงินคุ้มครองอาหารเป็นพิษ (โดยแพทย์จะต้องระบุในใบรับรองแพทย์ว่า อาหารเป็นพิษเท่านั้น) แต่ทั้งนี้ย่อมอยู่ในข้อจำกัดที่มีการตกลงไว้กับบริษัทประกันชีวิต
อัตรานี้ไม่รวมถึง
- ค่าทำหนังสือเดินทาง (PASSPORT) และเอกสารวีซ่าของคนต่างด้าว
- ค่าตรวจ PCR Test ในกรณีที่สายการบินมีข้อกำหนดให้มีการแสดง ณ จุดเชคอิน
- ค่าทิปหัวหน้าทัวร์ ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของท่าน
- ค่าใช้จ่ายอื่นๆที่ไม่ได้ระบุในรายการ
- ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และค่าภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3%
- ค่าใช้จ่ายส่วนตัวอาทิ ค่าโทรศัพท์, ค่าซักรีด, ค่าเครื่องดื่มในห้องพัก และค่าอาหารที่สั่งมาในห้องพักค่าอาหารและเครื่องดื่มที่สั่งพิเศษในร้านอาหารนอกเหนือจากรายการ
- ทิปไกด์ท้องถิ่น และคนขับรถ 50 เหรียญ ต่อ/ท่าน ตลอดการเดินทาง
- ค่าบริการยกกระเป๋าในโรงแรมและสนามบิน ซึ่งท่านจะต้องดูแลกระเป๋าและทรัพย์สินด้วยตัวท่านเองเพื่อป้องกันการสูญหาย
- ค่าทิปหัวหน้าทัวร์ไทย ทิปหัวหน้าทัวร์แล้วแต่ความพึงพอใจในบริการของท่าน