Land of Legend ITALY MALTA 11D8N

วันแรก ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 
20.30 น. บริษัทฯ ขอเชิญท่านที่จุดนัดพบ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตูทางเข้าเลขที่ 9 เคาน์เตอร์ U สายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ ( TURKISH AIRLINES) ขอให้ท่านสังเกตป้าย  “ALLIANCE CONSORTIUM ”  เจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ รอคอยให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกแด่ท่านก่อนขึ้นเครื่อง...     
23.30 น. เหินฟ้าสู่ กรุงโรม ประเทศอิตาลี  โดยสายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ TK069  
(ใช้เวลาบินโดยรวม 11 ชั่วโมง)   
วันที่สองสนามบินอิสตันบูล (แวะเปลี่ยนเครื่อง)  – กรุงโรม (Unesco)  – รัฐวาติกัน – มหาวิหารนักบุญเปโตร – พิพิธภัณฑ์วาติกัน  – โบสถ์ซิสทีน – ย่านบันไดสเปน – โคลอสเซียม &ประตูชัยคอนสแตนติน – เขตเมืองเก่า 
06.30 น.ถึง สนามบินอิสตันบูล  ประเทศตุรกี  เพื่อแวะเปลี่ยนเครื่อง ให้ท่านได้ยืดเส้นยืดสายและเพลิดเพลินกับการช้อปปิ้ง  DUTY FREE 
หมายเหตุ : เนื่องจากเราเดินทางมาเป็นหมู่คณะ  ดังนั้นเมื่อเครื่องลงจอดแล้ว.....รบกวนผู้เดินทางทุกท่านโปรดรอหัวหน้าทัวร์อยู่บนเครื่องก่อน  เพื่อที่หัวหน้าทัวร์จะได้นำท่านลงจากเครื่องพร้อมๆกัน ไปขึ้นรถต่อไปยังอาคารสำหรับผู้โดยสารต่อเครื่อง เพื่อป้องกันการสับสนและพลัดหลงกัน  
09.20 น.ออกเดินทางต่อสู่  กรุงโรม ประเทศอิตาลี  โดยสายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ TK1861  (ใช้เวลาบินโดยรวม 2 ชั่วโมง 40 นาที)  
10.00 น.เมื่อเครื่องบินสัมผัสขอบฟ้า นำท่านเข้าสู่น่านฟ้าของประเทศอิตาลี คณะเดินทางถึง สนามบิน
ฟีอูมีชีโน (FIUMICINO AIRPORT)  แห่งกรุงโรม (Rome) เมืองหลวงที่ยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิโรมันและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของอิตาลี ที่มีทั้งความเก่าและความใหม่ซ้อนแทรกอยู่ด้วยกันอย่างกลมกลืน และมีประวัติศาสตร์ยาวนานมากกว่า 2,800 ปี (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าเวลาของประเทศไทย 
6 ชั่วโมง) นำท่านผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมือง  รับกระเป๋าสัมภาระ  ผ่านกรมศุลกากรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางหัวหน้าทัวร์และมัคคุเทศน์ท้องถิ่นจะนำคณะขึ้นรถปรับอากาศเข้าสู่ ตัวเมือง  แล้วพาท่านเที่ยวชม  กรุงโรม ที่ถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน สถานที่สำคัญ และเมืองเก่าโรมันจะอยู่ทางฝั่งขวาของแม่น้ำ ส่วนฝั่งซ้ายเป็นรัฐวาติกัน และเขตทราสเตเวเร (Trastevere) ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของผู้มีฐานะ ปัจจุบันเป็นแหล่งร้านอาหาร และคาเฟ่แบบเก๋ๆทันสมัย... 
เที่ยง ร่วมรับประทานอาหารกลางวัน ณ  ภัตตาคาร 
บ่าย นำท่านเดินทางสู่  นครรัฐวาติกัน (State of the Vatican City)  ประเทศเอกราชหรือรัฐอิสระที่เล็กที่สุดในโลก เพื่อชมความยิ่งใหญ่และงดงามตระการตาภายในของ  มหาวิหารนักบุญเปโตร (St. Peter's Basilica) ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างที่ใหญ่และสำคัญที่สุดของรัฐ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธ์ของพระศาสนจักรโรมันคาธอลิกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ได้รับการออกแบบโดยไมเคิลแองเจโล (Michelangelo)  ไฮไลท์ : เข้าชมพิพิธภัณฑ์วาติกัน (Vatican Museums) ซึ่งเป็นที่รวบรวมผลงานทางศิลปะที่หาชมได้ยาก นอกจากนี้ยังมีห้องแสดงศิลปะการตกแต่งฝาผนังรูปสลักแบบคลาสสิก และงานของนักวาดภาพคนสำคัญๆ ของอิตาลีในสมัยกลางและสมัยเรอเนสซองส์ อาทิ จ็อตโต (Giotto),ฟรา แองเจลิโก (Fra Angelico),ฟิลิปโป ลิปปี(Filippo Lippi)  ไฮไลท์ : แวะชม โบสถ์ซิสทีน (Sistine Chapel) ซึ่งเป็นผลงานของไมเคิลแองเจโลที่วาดภาพเขียนสีเฟรสโก้ที่โด่งดังที่สุดของโลกคือ THE LAST JUDGEMENT  
                                 
จากนั้น นำท่านสู่ ย่านบันไดสเปน (Spanish Steps) บนถนนคอนดอตติ ย่านช้อปปิ้งขึ้นชื่อของอิตาลี บันไดสเปน เป็นบันไดที่กว้างและยาวที่สุดในทวีปยุโรป มีขั้นบันไดทั้งหมด 138 ขั้น ล้อมรอบไปด้วยสถาปัตยกรรมอันสวยงามแล้วจัตุรัสแห่งนี้ยังต่อตรงกับถนน Via Condotti ที่เต็มไปด้วยร้านแบรนด์เนมมากมาย ทั้ง Amarni,Valentino,Versace,Fendi,Ferragamo,Cartier,Bulgari เป็นต้น ไฮไลท์ :  พาท่านเดิน เก็บภาพความยิ่งใหญ่บริเวณรอบนอกของสนามกีฬา
โคลอสเซียม (Colosseum) 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก อดีตสนามประลองการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ของชาวโรมันที่สามารถจุผู้ชมได้ถึง 50,000 คน ชม ประตูชัยคอนสแตนติน (Arch of Constantine) สัญลักษณ์แห่งชัยชนะ ผ่านชมอนุสาวรีย์พระเจ้าวิคเตอร์  เอ็มมานูเอ็ล  
                   
ต่อด้วยผ่านชมร่องรอยของศูนย์กลางแห่งจักรวรรดิโรมันที่ “โรมันฟอรั่ม” เก็บภาพความสวยงามของ น้ำพุเทรวี  (Trevi Fountain) งานประติมากรรมของเทพนิยายกรีก  เริ่มเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงจากภาพยนตร์เรื่อง “Three Coins in the Fountain” นักท่องเที่ยวเชื่อกันว่า หากท่านโยนเหรียญลงในน้ำพุแห่งนี้แล้ว ท่านจะได้กลับมาเยือนกรุงโรมอีกครั้ง...จากนั้นนำคณะท่านฯเดินทางไปชม ช่อง “โอคูลูส” หรือดวงตาแห่งสวรรค์  คือ ช่องแสงซึ่งเป็นวงกลมขนาดใหญ่อยู่ตรงกลางหลังคาโดมของ วิหารแพนธีออน (Pantheon) ภายในวิหารยังเป็นที่ฝังพระศพของกษัตริย์วิคเตอร์ เอมมานูเอลที่ 2 และราฟาเอล ศิลปินชื่อก้องโลกอีกด้วย สถาปัตยกรรมเหล่านี้ล้วนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโกในปี ค.ศ.1980
เย็น ร่วมรับประทานอาหารค่ำ ณ  ภัตตาคาร  
ค่ำ  พักค้างคืน  ณ  BEST WESTERN HOTEL PRESIDENT,ROME  หรือเทียบเท่า 4 ดาว (คืนที่ 1) 
วันที่สามโรม – สนามบินฟีอูมีชีโน – บินภายใน (สู่) ปาแลร์โม – ชมเมือง – จัตุรัสเปโตรเรีย – ย่านเมืองเก่า – ประตูเมือง –  อิสระช้อปปิ้ง 
เช้าอรุณสวัสดิ์.....รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของทางโรงแรม 
07.00 น.จนได้เวลาอันสมควร...นำท่านเดินทางสู่  สนามบินฟีอูมีชีโน  อีกครั้ง เพื่อเดินทางสู่  ปาแลร์โม ประเทศอิตาลี  
10.00 น.เหินฟ้าสู่ กรุงปาแลร์โม  โดยสายการบินอลิตาเลีย (ALITALIA)  เที่ยวบินที่ AZ1785  
(ใช้เวลาบิน 1 ชั่วโมง 10 นาที)  *** หมายเหตุ : เนื่องจากทางสายการบินค่อนข้างจะเข้มงวดเรื่องของน้ำหนักกระเป๋า โดยกำหนดไว้ ท่านละ 1 ชิ้นๆ ละไม่เกิน 23 กิโลกรัม  จึงขอให้ท่านผู้เดินทางคำนวณน้ำหนักสัมภาระของท่านให้ดีก่อนเดินทาง และทางบริษัทฯใคร่ขอสงวนสิทธิไม่รับผิดชอบต่อค่าใช้จ่าย กรณีน้ำหนักกระเป๋าของท่านเกินกว่าสายการบินกำหนดไว้ *** 
11.10 น.คณะถึง สนามบินปาแลร์โม (Palermo Airport) หรือ PUNTA RAISI AIRPORT ประเทศอิตาลี  นำท่านผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมือง พร้อมรับกระเป๋าสัมภาระ ผ่านกรมศุลกากรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางหัวหน้าทัวร์และมัคคุเทศน์ท้องถิ่นจะนำคณะท่านฯ ขึ้นรถปรับอากาศ แล้วออกเดินทางเข้าสู่ กรุงปาแลร์โม (Palermo) เมืองหลวงของแคว้นปกครองตนเองบน เกาะซิซิลี(Sicily) มีประวัติยาวนานย้อนไปถึง 800 ปีก่อนคริสตกาล เป็นเมืองท่าที่สำคัญและยังเป็นเมืองท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมอีกด้วย เป็นต้นกำเนิดของหนังเรื่อง “The God Father” ที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัวมาเฟียชาวอิตาลีสองรุ่น  ตั้งแต่วัยเด็กที่เกาะซิซิลีจนเริ่มสร้างอิทธิพลขึ้นมาเป็น
มาเฟียใหญ่ในนิวยอร์ค...
                           
 
เที่ยง ร่วมรับประทานอาหารกลางวัน ณ  ภัตตาคาร
บ่ายจากนั้นพาท่านเดินชมเมือง และชม จัตุรัสเปโตรเรีย (Piazza della Pretoria)  หรือรู้จักกันในนาม จัตุรัสแห่งความละอาย (Square of Shame) จัตุรัสกลางเมืองที่ตั้งของ น้ำพุเปโตรเรีย (Fontana Pretoria) อนุสรณ์น้ำพุสำคัญของเมือง ออกแบบโดย ฟรานเซสโก้ คามิลานี ประติมากรชื่อดังแห่งยุคเรอเนสซองส์จากเมืองฟลอเรนซ์ ในปี 1554 และถูกยกมาตั้งไว้ที่เมืองปาแลร์โมแห่งนี้ในปี 1574  สัมผัสความคึกคักของย่านใจกลางเมืองเก่า  ควอทโตร คานติ (Quattro Canti) จัตุรัสรูป 6 เหลี่ยม โดยมีถนน 4 เส้นตัดผ่านและมีตึกไสตล์บาโรคตั้งอยู่แต่ละด้านของถนน แต่ละตึกมีน้ำพุ รูปปั้นของนักบุญและรูปปั้นของกษัตริย์แห่งซิซิลี ชมประตูเมืองที่มีอนุสาวรีย์แห่งปาแลร์โม ( Porta Nuova) เป็นประตูทางเข้าของ Cassaro จาก Corso Calatafimi และตั้งอยู่ข้าง Palazzo dei Normanni (Norman Palace) พระราชวังแห่งปาแลร์โม ถูกสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการพิชิตเมืองตูนิสของ Charles V และการไปเยือนเมืองหลวงของราชอาณาจักรซิซิลี ผ่านชมมหาวิหารแห่งปาแลร์โม (Palermo Cathedral) หรือ Cattedrale di Palermo ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นสุดยอดสถาปัตยกรรมไบเซนไทน์ ตั้งอยู่บนยอดเขากลางใจเมือง ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 15-18 มีการบูรณะด้วยศิลปะแบบโกธิคสไตล์กาตาโลเนีย เพื่ออุทิศแด่พระแม่มารี แล้วสู่ ย่านเวียร์ เดลล่า 
ลิเบอร์ต้า (Via della Libertà) อิสระให้ท่านได้ช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนม  
เย็นร่วมรับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ค่ำพักค้างคืน ณ HOTEL NH PALERMO, PALERMO  หรือเทียบเท่า 4 ดาว  (คืนที่ 2)
วันที่สี่ปาแลร์โม – ทราปานี่ – ชมเมือง – นั่งกระเช้า (สู่) เมืองเก่า – เอริเช่ – นั่งกระเช้าลง (สู่) 
ทราปานี่ – โบราณสถานซาเคสต้า (Unesco) – ปาแลร์โม
เช้าอรุณสวัสดิ์....รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของทางโรงแรม
นำท่านมุ่งหน้าสู่  ทราปานี่ (Trapani) เมืองศูนย์กลางสำคัญสำหรับผู้ค้าขายและนักเดินทาง  เนื่องจากติดแหลมด้านใต้ซึ่งมีท่าเรือการค้ากับหลายๆประเทศ  จึงถือได้ว่าเป็นเมืองที่ใหญ่และรุ่งเรือง..ไฮไลท์ :.พา ปรับเปลี่ยนอิริยาบถโดยการขึ้นกระเช้าไฟฟ้า ชมความสวยงามของเมืองจากมุมสูงแบบพาโนราม่า ท่านจะได้เห็นวิวทิวทัศน์ของอ่าวทราปานี่  เหมืองเกลือ (Salt Pans)  และหมู่เกาะอีกาดิส  (Egadi Island) 
                       
เที่ยวชม เมืองเอริเช่ (Erice) เมืองโบราณสมัยยุคกลางที่มีประวัติยาวนานกว่าพันปีซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขา San Giuliano ที่มีความสูง 750 เมตร มีวิหาร ปราสาท และโบสถ์อันเก่าแก่.... พร้อมชมวิถีชีวิตของชาวเมือง บรรยากาศเงียบสงบและความอบอุ่นภายในเมือง  ไม่พลาดแวะ!! ซื้อบิสกิตอัลมอนด์ขนมพื้นเมืองที่ขึ้นชื่อของเมืองนี้  จนได้เวลาอันสมควร....พาท่านนั่งกระเช้าไฟฟ้าเพื่อกลับสู่  ทราปานี่  ผ่านชมอาสนวิหารซานโลเรนโซ (Cattedrale di San Lorenzo) ซึ่งมีการปรับปรุงตั้งแต่ในยุคบาโรก
เที่ยง ร่วมรับประทานอาหารกลางวัน ณ  ภัตตาคาร
 
                      
บ่ายจากนั้นนำท่านเดินทาง ไฮไลท์ : ชม วิหารดอริกแห่งซาเคสต้า ( The Doric temple of Segesta) วิหารกรีกโบราณที่มีเสาดอริกโบราณจำนวนถึง 36 เสาที่ยังคงสภาพไว้อย่างดี บนยอดเขาวิวสวยงาม อายุเก่าแก่ราว 2,400 ปี จนถูกยกให้เป็นมรดกโลกในปี 1997 แม้จะเป็นวิหารกรีกแต่สิ่งก่อสร้างนี้ถือกำเนิดระหว่าง 430 และ 420 ปีก่อนคริสต์ศักราช  สร้างโดยชาวซาร์ดิเนียนหรือเป็นที่รู้จักในชื่อของ Elymians วิหารนี้มีความยาว 61 เมตรและสูง 26 เมตร เชื่อว่าสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับเทพเจ้าหรือลัทธิความเชื่อทางศาสนา  ต่อด้วยพาชม อัฒจันทร์ Teatro di Segesta บนเขา  Monte Barbaro สร้างขึ้นมาในช่วงเวลาใกล้เคียงกับตอนสร้างวิหาร ท่านสามารถเดินขึ้นไปชั้นบนสุดของอัฒจันทร์ แล้วชมวิวสวยๆ ของหุบเขาในแถบชนบทและทะเลเมดิเตอร์เรเนียนสีฟ้าสวยเบื้องล่างได้ จนถึงเวลาอันสมควร....นำคณะเดินทางกลับสู่  กรุงปาแลร์โม
เย็นร่วมรับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ค่ำพักค้างคืน ณ HOTEL NH PALERMO, PALERMO  หรือเทียบเท่า 4 ดาว  (คืนที่ 3)
 
 
วันที่ห้าปาแลร์โม – เซฟาลู – ชมเมือง –  ทอร์มินา – ชมเมือง – คอร์โซ  อัมเบอร์โต้ – โรงละครกรีก จัตุรัส โนเว เอพริล  
เช้า อรุณสวัสดิ์.....รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของทางโรงแรม
นำคณะออกเดินทางสู่  เมืองเซฟาลู (Cefalu)  เมืองชายฝั่งทางตอนเหนือของเกาะซิซิลี และยังเป็นเมืองตากอากาศที่มีหาดทรายสวยงาม น้ำทะเลสีครามแล้ว ยังมีสิ่งก่อสร้างสมัยเก่าอีกด้วย พาท่านเดินชมเมือง  ผ่านชมลาร็อกกา (La Rocca)  แหลมหินที่อยู่สูงขึ้นไปจากเมืองถึง 270 เมตร ในอดีตชาวนอร์มันสร้างป้อมปราการหินขนาดใหญ่แห่งนี้ขึ้นเพื่อใช้ป้องกันฐานที่มั่น แล้วเดินชม จัตุรัส Piazza del Duomo แวะเก็บภาพภายนอกของมหาวิหารมอนเรอาเล (Duomo di Monreale) สถาปัตยกรรมแบบไบแซนไทน์ (Byzantine) ที่ผสมผสานกับศิลปะแบบอาหรับ (Arabic) ถูกสร้างขึ้นในยุคสมัย ค.ศ.1060
เที่ยง ร่วมรับประทานอาหารกลางวัน ณ  ภัตตาคาร
                                     
 บ่ายออกเดินทางต่อสู่ ทอร์มินา (Toarmina)  เมืองชายฝั่งทะเลไอโอเนียน ริมฝั่งตะวันออกของหมู่เกาะซิซิลี  เมืองอารยธรรมกรีกที่ยังหลงเหลืออยู่ในประเทศอิตาลี นำท่าน เดินชมเมือง สู่ ถนนคอร์โซ  อัมเบอร์โต้ (Corso Umberto) ถนนสายหลักของเมืองทั้ง 2 ข้างทาง มีร้านอาหาร ร้านขายของฝาก และสินค้าพื้นเมืองอิสระให้ท่านได้เดินช้อปปิ้งตามอัธยาศัย... เข้าชมโรงละครกรีก Teatro Greco ที่สร้างขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตกาล  เป็นโรงละครกรีกที่ตั้งอยูบนจุดที่ดีที่สุดในบรรดาโรงละครกรีกทั้งหมดที่มีอยู่ในโลก  ด้านหลังเป็นวิวของเมืองทอร์มินาบนไหล่เขา  ทะเลไอโอเนี่ยน  และภูเขาไฟเอตนาที่ยังคงคุกกรุ่นอยู่  ปัจจุบันโรงละครแห่งนี้ยังคงถูกใช้งานในช่วงฤดูร้อน โดยเป็นหนึ่งในสถานที่จัดเทศกาลงานศิลปะนานาชาติของเมืองที่มีชื่อว่า ทอร์มินา อาร์เต้ ต่อด้วย ชมจัตุรัส โนเว เอพริล (Piazza IX Aprile)  พร้อมเก็บภาพความประทับใจ วิหารประจำเมือง หรือ วิหารทอร์มินา (Duomo di Taormina) ศูนย์รวมจิตใจของชาวเมืองซึ่งวิหารแห่งนี้ได้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 สไตล์บาโรกโดยชาวสวาเบียน ด้านหน้าคือน้ำพุ “Baroque Fountain”
            
 
เย็น ร่วมรับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ค่ำพักค้างคืน ณ  EUROSTARS MONTE TAURO,TAORMINA หรือเทียบเท่า 4 ดาว  (คืนที่ 4)
วันที่หกทอร์มินา – นีโกโลซี – ขึ้นกระเช้า (สู่) ภูเขาไฟเอตนา – คาตาเนีย – ชมเมือง
เช้าอรุณสวัสดิ์.....รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของทางโรงแรม
นำคณะมุ่งหน้าสู่ เมืองนีโกโลซี (Nicolosi) ที่ตั้งของ ภูเขาไฟเอตนา เรียกได้ว่าเป็นประตูสู่การเที่ยวชมภูเขาไฟที่มีชื่อเสียง.... ตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมาเกิดแผ่นดินไหว เมืองถูกทำลายจากการปะทุของภูเขาไฟนับครั้งไม่ถ้วน....แต่ผู้คนในเมืองก็ไม่คิดที่จะย้ายถิ่นฐาน  และยังคงบูรณะเมืองใหม่ทุกครั้งบนพื้นที่ดินแดนประวัติศาสตร์ของพวกเขา...
                             
ไฮไลท์ : แล้วปรับเปลี่ยนอิริยาบถ  โดยการขึ้นกระเช้าไฟฟ้าสู่จุดชมวิว ภูเขาไฟเอตนา (Mount Etna) หรือ “ปล่องไฟแห่งซิซิลี” ภูเขาไฟที่ยังไม่ดับที่สูงที่สุดในทวีปยุโรประดับความสูงที่ 
3,340 เมตร โดยมีฐานกว้างถึง 150 เมตร บนยอดเขาจะมีหิมะปกคลุมตลอด 9 เดือนของทุกปี 
ถือเป็นภูเขาไฟที่มีพลังมาก ตามตำนานเทพนิยายกรีกกล่าวว่า สัตว์ประหลาด Typhon ถูก Zeus ประธานแห่งทวยเทพขังไว้โดยใช้ภูเขาไฟเอตนาทับไว้นั้นเอง  และมีคุณค่าเชิงประวัติศาสตร์ที่สำคัญที่สุดแห่งหนี่งของโลก เนื่องจากเป็นภูเขาไฟที่คงประโยชน์ทั้งทางด้านภูเขาไฟวิทยาธรณีฟิสิกส์ รวมถึงทั้งทางวิทยาศาสตร์เป็นต้น และด้วยความหลากหลายของวิทยาการนี้  จึงได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกในปี ค.ศ. 2013 อิสระให้ท่านได้บันทึกภาพกับภูเขาไฟเอตนาเป็นที่ระลึก   *** หมายเหตุ – การให้บริการของกระเช้าไฟฟ้านั้นขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในแต่ละวัน  ทางบริษัทฯขอสงวนสิทธิในการเปลี่ยนแปลงรายการ โดยเน้นความปลอดภัยของผู้เดินทางเป็นหลัก *** จนได้เวลาอันสมควร...นำคณะลงจากจุดชมวิว ภูเขาไฟเอตนา....
เที่ยง ร่วมรับประทานอาหารกลางวัน ณ  ภัตตาคาร
 
 
บ่ายจากนั้นนำคณะท่านเดินทางสู่ คาตาเนีย (Catania)  เมืองใหญ่อันดับ 2 ของเกาะซิซิลี ตั้งอยู่บนชายฝั่งทิศตะวันออกของทะเลไอโอเนียน  เมืองแห่งนี้เคยได้รับความเสียหายอย่างหนักจากเหตุภูเขาไฟเอตนา ในปี ค.ศ. 1169 ตัวเมืองเก่าของคาตาเนียยังคงรูปแบบงานศิลปกรรมในรูปแบบบาโรกของประเทศอิตาลีได้เป็นอย่างดี  จึงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก้ พาท่านชมเมืองโดยรอบๆ  ผ่านชมปราสาทเออสิโน (Ursino Castle) ปราสาทสวนในรูปทรงเลขาคณิตทรงกระบอกและทรงสี่เหลี่ยม  สร้างจากอิฐสีขาวด้วยโครงสร้างยังคงดั่งเดิมทำให้ดูยิ่งใหญ่  สามารถมองเห็นวิวทะเลได้  ปราสาทนี้มีชื่อเดิมว่า “ไซนัส” แปลว่า “ปราสาทอ่าว” 
                            
เดินชมจัตุรัสดูโอโม่ Piazza Duomo  อันเป็นที่ตั้งของ น้ำพุช้างแห่งคาตาเนีย (Fontana dell’ Elefante) สัญลักษณ์ของเมือง โดยประติมากรรมช้างทำมาจากหินภูเขาไฟ เนื่องจากที่มาของชื่อเมืองอันมีที่มาจากภาษาอารบิต คำว่า Madinat al-fil ที่แปลว่า เมืองแห่งช้าง และผ่านชม มหาวิหารแห่งคาตาเนีย ( Basilica Cattedrale Sant'Agata) โบสถ์ที่ตั้งอยู่บนที่ตั้งของ Roman Achillian Bath ถูกสร้างขึ้นในปี 1711 โดย Girolamo Palazzotto
เย็น ร่วมรับประทานอาหารค่ำ ณ  ภัตตาคาร
ค่ำพักค้างคืน ณ  HOTEL NH CATANIA CENTRO, CATANIA  หรือเทียบเท่า 4 ดาว  (คืนที่ 5)
 
 
วันที่เจ็ดคาตาเนีย – ซีราคิวส์ – ชมเมือง –  อุทยานประวัติศาสตร์ซีราคิวซ์ – คาตาเนีย – อิสระ
ช้อปปิ้ง
เช้า อรุณสวัสดิ์.....รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของทางโรงแรม
คณะออกเดินทางสู่ เมืองซีราคิวส์ หรือ ซีราคูซา (Syracuse/Siracusa) เป็นเมืองเก่าแก่อายุ 2,700 ปี เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์กรีกโบราณทั้งด้านวัฒนธรรม  สถาปัตยกรรม มีซากปรักหักพังของวิหารและโรงละครกรีกประมาณ 500 ปีก่อนศริสต์ศักราช และยังเป็นสถานที่เกิดของอาร์คิมิดีส นักคณิตศาสตร์และวิศวกรชาวกรีกอีกด้วย  แล้วนำท่าน เดินชมเมือง และผ่านชมความงดงามของมหาวิหารแห่งซีราคิวส์ ( Santa Maria delle Colonne ) , วิหารอะธีนา (Temple of Athena) วิหารเก่าแก่ที่สร้างในศตวรรษที่ 5 เพื่อฉลองชัยชนะใน Battle of Himera  (480 BC) อันเป็นศึกที่ Syracuse ร่วมมือกับ Acragas ต้านการรุกรานของเผ่า Carthage (ตูนิเซียในปัจจุบัน) ซึ่งสุดท้าย Carthage ก็พ่ายแพ้ไป... กีรอน (Gelon) ผู้นำซีราคิวส์จึงสร้างวิหารแห่งนี้ขึ้นเป็นการแก้บน และบูชาอธีน่าเทพีแห่งสงครามด้วย  แล้วพาท่านเดินต่อไปยัง จัตุรัส Piazza Duomo ซึ่งท่านสามารถเห็นโบสถ์  Santa Lucia alla Badia ของอีกฝั่งได้  ต่อด้วยผ่านชมวิหารอพอลโล (Temple Of Apollo) ที่อยู่ใจกลางเมือง นับว่าเป็นวิหารสไตล์ดอริกที่เก่าแก่ที่สุดบนเกาะเเห่งนี้  ในปัจจุบันนั้นเเม้จะเหลือเพียงซากปรักหักพัง เเต่ก็ยังคงความสวยงามเเละน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง.....
เที่ยง  ร่วมรับประทานอาหารกลางวัน ณ  ภัตตาคาร
 บ่าย  ไฮไลท์ : พาท่านเข้าชม อุทยานประวัติศาสตร์ของซีราคิวซ์ (Parco Archeologico della Neapolis) ที่ยูเนสโก้ประกาศให้เป็นมรดกโลกปี 48..... แวะชมโรงละครกรีก  (Teatro Greco) หนึ่งในโรงละครที่ใหญ่ที่สุดในจักรวรรดิกรีกโบราณทั้งหมด สร้างขึ้นครั้งแรกในรัชสมัยของ Hiero I ประมาณ 470 ปีก่อนคริสต์ศักราชโดยผู้สร้างชื่อ Demokopos  ผ่านชมอัฒจันทร์โรมันและแท่นบูชา Hiero II  อัฒจันทร์โรมันในศตวรรษที่สามถูกสร้างขึ้นโดย Hiero II ซึ่งเป็นกษัตริย์ตั้งแต่ 269 ถึง 215 ปีก่อนคริสต์ศักราช  ต่อด้วย ชมถ้ำหูไดโอนิซิอัส (Ear of Dionysius/Orecchio di Dionisio) ถ้ำหินปูนแกะสลักจากเนินเขาTemenites ชื่อของถ้ำแห่งนี้ได้รับจากจิตรกร Michelangelo da Caravaggio เนื่องจากรูปร่างของถ้ำที่คล้ายคลึงกับหูของมนุษย์  ภายในถ้ำมีเอฟเฟกต์เสียงสะท้อน เดิมถ้ำแห่งนี้ถูกขุดในสมัยกรีก - โรมัน เพื่อเป็นที่เก็บน้ำสำหรับชาวเมือง ต่อมาเกิดแผ่นดินไหวขึ้นบริเวณนี้ทำให้เกิดความเสียหาย และถ้ำก็ไม่สามารถใช้กักเก็บน้ำได้อีกต่อไป จึงเกิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่แสนแปลกตาแห่งนี้ขึ้น
                     
พาท่านเดินทางกลับสู่ คาตาเนีย อีกครั้ง อิสระให้ท่านได้ช้อปปิ้งตามอัธยาศัย ณ ย่าน Via Etnea ย่านการค้าหลักของเมืองที่เต็มไปด้วยห้างสรรพสินค้าสมัยใหม่ และแบรนด์เสื้อผ้าระดับไฮเอนด์
เย็น ร่วมรับประทานอาหารค่ำ ณ  ภัตตาคาร
ค่ำพักค้างคืน ณ  HOTEL NH CATANIA CENTRO, CATANIA  หรือเทียบเท่า 4 ดาว  (คืนที่ 6)
 
 
วันที่แปดคาตาเนีย – สนามบินคาตาเนีย – บิน (สู่) มอลตา – วัลเลตตา –  ชมเมือง – มหาวิหารเซนต์จอห์น – สวนบารัคคา – พระราชวังแกรนด์มาสเตอร์
เช้า อรุณสวัสดิ์....จนได้เวลาอันสมควร... นำท่านเดินทางสู่ สนามบินคาตาเนีย (Catania Airport) เพื่อเดินทางไปยัง วัลเลตตา (Valletta) ประเทศมอลตา
*** ทางบริษัทฯได้จัดเตรียมอาหารเช้าแบบกล่องแด่ท่าน...เพื่อให้ทันแก่เวลาเช็คอินขึ้นเครื่อง ***
07.20 น. เหินฟ้าสู่ วัลเลตตา โดยสายการบินแอร์มอลต้า  เที่ยวบินที่ KM 641 (ใช้เวลาบินโดยรวม 40 นาที)  
08.00 น.คณะถึง ท่าอากาศยานนานาชาติมอลตา (MALTA INTERNATIONAL AIRPORT) ผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองพร้อมรับกระเป๋าสัมภาระ ผ่านกรมศุลกากรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางหัวหน้าทัวร์และมัคคุเทศก์ท้องถิ่นนำคณะท่านฯขึ้นรถปรับอากาศ เข้าสู่ เมืองวัลเลตตา (Valletta)  เมืองหลวงของประเทศมอลตา ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1980 เป็นประเทศซึ่งเป็นเกาะขนาดเล็กในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่เต็มไปด้วยศิลปะ วัฒนธรรมอันหลากหลาย เนื่องจากมีการเปลี่ยนมือการปกครองจากหลายประเทศ แต่วัฒนธรรมเหล่านั้นถูกผสมผสานกันได้อย่างลงตัวจนกลายเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง  
                                        
 พาท่านเดินชมความสวยงามของ มหาวิหารเซนต์จอห์น (Saint John’s Co-Cathedral) ที่สร้างโดย อัศวิน เซนต์จอห์น เพื่อมอบเป็นเกียรติแก่ผู้อุปถัมภ์เหล่าอัศวินทั้งหลาย ความพิเศษของวิหารแห่งนี้คือ ออกแบบตกแต่งโดยสถาปนิกและศิลปินชาวมอลต้าในช่วงศตวรรษที่ 16 เป็นสถาปัตยกรรมบาโรกที่หรูหราและงดงาม  และชม สวนบารัคคา (Barracca Garden)  ในอดีตเคยเป็นสถานที่ส่วนบุคคล แต่ภายหลังในปี ค.ศ.1824 ได้เปิดให้สาธารณชนเข้าชม ภายในสวนแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ Upper Barracca และ Lower Barracca ซึ่งในส่วน Upper นั้นได้สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1661 โดยอัศวินชาวอิตาเลียน จากบริเวณสวน  ท่านจะสามารถเห็นวิวของอ่าวแกรนด์ฮาร์เบอร์ได้ชัดเจน.....ให้ท่านได้พักผ่อนหย่อนใจและเก็บภาพความประทับใจ ผ่านชมปราสาทโอเบอร์ (Auberge de Castille) อาคารที่มีความสง่างามและใหญ่โตที่สุดแห่งหนึ่งของเมือง ปัจจุบันใช้เป็นที่พำนักของนายกรัฐมนตรีของสาธารณรัฐมอลตา สร้างขึ้นครั้งแรกในปี 1574 โดยสถาปนิกชาวมอลต้าชื่อ Girolamo Cassar และมีการสร้างบูรณะใหม่อีกครั้งในปี 1741
เที่ยง ร่วมรับประทานอาหารกลางวัน ณ  ภัตตาคาร
 
บ่ายจากนั้นนำคณะท่านฯเยี่ยมชม พระราชวังแกรนด์มาสเตอร์ (Grand Master Palace) อดีตพระราชวังยุคศตวรรษที่ 16 ถือครองโดยอุสตาจิโอ้ เดล มอนเต้ ญาติคนสนิทของผู้ครองแคว้นมอลตานาม ฌองป์ เดอลา วาเลตเต้ แรกเริ่มเดิมทีถูกใช้เป็นสถานที่บัญชาการรบของอัศวินในยุคนั้น และภายหลังเสร็จสิ้นสงคราม ได้ถูกต่อเติมเป็นพระราชวัง แต่แล้วถูกโอนย้ายเปลี่ยนมือเป็นสถานที่พำนักของผู้ปกครองจากประเทศอังกฤษในช่วงศตวรรษที่ 19 และกลับมาถือครองโดยประเทศมอลตาภายหลังประกาศเอกราชในปี ค.ศ.1964 ปัจจุบันใช้เป็นอาคารรัฐสภาแห่งมอลตาหรือสถานที่ทำงานของประธานาธิบดีแห่งมอลตา ภายในตกแต่งแบบนิโอคลาสสิค และเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมบางส่วนที่จัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเรื่องราวประวัติศาสตร์และยุทโธปกรณ์ของอัศวิน
เย็น  ร่วมรับประทานอาหารค่ำ ณ  ภัตตาคาร
ค่ำ พักค้างคืน ณ  GRAND HOTEL EXCELSIOR,VALLETTA  หรือเทียบเท่า 4 ดาว  (คืนที่ 7)
วันที่เก้า วัลเลตตา – นั่งเรือเฟอร์รี่ (สู่) เกาะโคโซ – ชมเมือง – ป้อมปราการวิคตอเรีย – วิหารทาพินู   นั่งเรือเฟอร์รี่กลับ (สู่)  วัลเลตตา
เช้าอรุณสวัสดิ์.....รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของทางโรงแรม
10.30 น. นำท่านเดินทางสู่ ท่าเรือ Cirkewwa  เพื่อนั่งเรือเฟอร์รี่สู่ เกาะโคโซ (Gozo Island)  ถือเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของประเทศมอลตา อยู่ในเขตทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เป็นอีกหนึ่งเกาะในตำนานที่บางครั้งมักเรียกว่า เกาะแห่งคาลิปโซ่ ( Isle of Calypso) 
                                  
 10.55 น. คณะถึง ท่าเรือ Mgarr  พาท่านเดิน ชมเมือง แวะเก็บภาพ Ta Kola Windmill  ผ่านชม วิหาร
กันติจา (Ggantija Temples) วิหารเก่าแก่สร้างขึ้นจากหินขนาดใหญ่ เป็นหนึ่งในอนุสาวรีย์หินใหญ่ที่สามารถย้อนกลับไปในยุคสมัยหินใหม่ (3600-2500 BC) เชื่อกันว่าเป็นวิหารทางศาสนาที่มีความเก่าแก่มากที่สุดแห่งถึงของโลก และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.1980 อีกด้วย
เที่ยง ร่วมรับประทานอาหารกลางวัน ณ  ภัตตาคาร
บ่ายนำคณะเดินชมเมืองหลัก ราบัต (Rabat)  หรือ เมืองวิคตอเรีย (Victoria) พร้อมเก็บภาพคู่ ป้อมปราการวิคตอเรีย( Victoria Fortress) ที่ตั้งขึ้นตามพระนามของสมเด็จพระราชินีวิคตอเรียแห่งอังกฤษ ในโอกาสเฉลิมฉลองการครองราชย์ครบรอบ 25 ปี  ซึ่งเป็นเมืองหลวงของเกาะโกโซ ในอดีตบริเวณนี้เป็นพื้นที่อาศัยมาตั้งแต่ยุคสำริด และยังเชื่อกันว่าที่นี่เป็นเมืองบริวารของกรุงโรม ป้อมปราการใหญ่แห่งนี้สร้างอยู่บนที่สูงของเกาะตั้งแต่ในสมัยยุคกลาง  จากนั้นพาท่าน เดินชมเมืองเก่า พร้อมเก็บภาพความสวยงามทั้งธรรมชาติและหมู่อาคารบ้านเรือนโรมันโบราณที่ยังคงความสวยงามจวบจนปัจจุบัน....และชม วิหารทาพินู (Ta Pinu Cathedral) ตั้งอยู่บริเวณใกล้หน้าผาบนเกาะโคโซ  ในอดีตเป็นเพียงโบสถ์หินขนาดเล็กในยุคศตวรรษที่ 15 และต่อมาได้ถูกต่อเติมและสร้างขึ้นใหม่ในช่วงปี ค.ศ.1922-1932 แบบสไตล์นีโอโรแมนติก นับเป็นอีกหนึ่งโบสถ์ที่มีความสำคัญของคริสตจักร  เนื่องจากพระสันตะปาปามาเยือนถึง 2 ท่าน ซึ่งโป๊ปจอห์นปอลที่ 2 เคยเสด็จมาเยื่อเมื่อปี ค.ศ.1990 และ โป๊ปเบเนดิกต์ที่ 14 มาเยือนเมื่อปี ค.ศ. 2010 และได้มอบกุหลาบสีทอง หรือ โกลเด้นโรส (Golden Rose) สัญลักษณ์แห่งความศักดิ์สิทธิ์ไว้ ณ โบสถ์แห่งนี้  
17.00 น.  จนได้เวลาอันสมควร...นำท่าน นั่งเรือเฟอร์รี่กลับไปยัง เมืองวัลเลตตา 
17.25 น.คณะถึง ท่าเรือ Cirkewwa Ferry Terminal  แห่งเมืองวัลเลตตา
เย็น ร่วมรับประทานอาหารค่ำ ณ  ภัตตาคาร
ค่ำ พักค้างคืน ณ  GRAND HOTEL EXCELSIOR,VALLETTA  หรือเทียบเท่า 4 ดาว  (คืนที่ 8)
 
 
วันที่สิบ วัลเลตตา – เมลลิฮา – หมู่บ้านป๊อปอาย –  วัลเลตตา – จัตุรัสเซนต์จอร์จ – สนามบินมอลตา
สนามบินอิสตันบูล (แวะเปลี่ยนเครื่อง)  
เช้าอรุณสวัสดิ์.....รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของทางโรงแรม
นำท่านออกเดินทางสู่  เมืองเมลลิฮา (Mellieha)  หมู่บ้านชาวประมงที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของมอลตา 
เพื่อ ไฮไลท์ : เข้าชม SWEET HAVEN VILLAGE หมู่บ้านเจ้าของฉายา  หมู่บ้านป๊อปอาย (Popeye Village) ซึ่งตั้งอยู่ที่ Anchor Bay หรือ อ่าวแองเคอร์ เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ละครเพลงสดเรื่อง “Popeye” ในปี 1980 ปัจจุบันเปิดให้เข้าชมทั้งในฐานะพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง เป็นแหล่งแห่งการพักผ่อน และเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ อิสระให้ท่านเดินสถานที่ และเก็บภาพในเมืองจำลองแห่งนี้
                               
 
 เที่ยง ร่วมรับประทานอาหารกลางวัน ณ  ภัตตาคาร
บ่ายจนได้เวลาอันสมควร.....นำท่านเดินทางกลับสู่  เมืองวัลเลตตา พาท่านอิสระเดินเล่นกลางใจเมือง ณ จัตุรัสเซนต์จอร์จ (St George’s Square) ที่ล้อมรอบไปด้วยร้านอาหาร บาร์ และคาเฟ่
เย็น*** อิสระรับประทานอาหารเย็น  เพื่อให้ท่านได้เต็มอิ่มกับการเดินเที่ยวตามอัธยาศัย ***
17.30 น.จนกระทั่งได้เวลาอันสมควร......นำท่านเดินทางสู่ ท่าอากาศยานนานาชาติมอลตา (MALTA INTERNATIONAL AIRPORT)  เพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับสู่ประเทศไทย
19.35 น. ออกเดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยสายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ TK1372  (ใช้เวลาบินโดยรวม 2 ชั่วโมง 20 นาที)   
23.05 น.ถึง สนามบินอิสตันบูล  ประเทศตุรกี  เพื่อแวะเปลี่ยนเครื่อง ให้ท่านได้ยืดเส้นยืดสายและเพลิดเพลินกับการช้อปปิ้ง  DUTY FREE 
หมายเหตุ : เนื่องจากเราเดินทางมาเป็นหมู่คณะ  ดังนั้นเมื่อเครื่องลงจอดแล้ว.....รบกวนผู้เดินทางทุกท่านโปรดรอหัวหน้าทัวร์อยู่บนเครื่องก่อน  เพื่อที่หัวหน้าทัวร์จะได้นำท่านลงจากเครื่องพร้อมๆกัน ไปขึ้นรถต่อไปยังอาคารสำหรับผู้โดยสารต่อเครื่อง เพื่อป้องกันการสับสนและพลัดหลงกัน  

 วันที่สิบเอ็ดสนามบินอิสตันบูล (แวะเปลี่ยนเครื่อง) – สนามบินสุวรรณภูมิ
01.45 น.เดินทางต่อสู่ประเทศไทย  โดยสายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ TK068  (ใช้เวลาบินโดยรวม 9 ชั่วโมง 15 นาที)   
15.25 น.ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ....พร้อมกับความประทับใจมิรู้ลืม 
 
 
*** ขอบพระคุณทุกท่านที่วางใจในงานบริการของเรา ***
                                   
                                         อัตราค่าบริการ

กำหนดการเดินทาง

ผู้ใหญ่

(พักห้องละ2 ท่าน)

เด็กพักกับผู้ใหญ่ 2 ท่าน

(มีเตียงเสริม)

พักเดี่ยว

จ่ายเพิ่ม

จำนวน
ที่นั่ง

11-21 มี.ค. 66

149,000

142,000

30,000

20

19-29 มี.ค. 66

149,000

142,000

30,000

20

23 มี.ค. – 2 เม.ย. 66

149,000

142,000

30,000

20

 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
   
 
Visitors: 1,207,384